พระอรหันต์มีวิถีจิตเพียงโวฏฐัพพนวาระเท่านั้น
พระอรหันต์มีวิถีจิตเพียงโวฏฐัพพนวาระเท่านั้นคือ อย่างไร
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การศึกษาพระธรรมก็ต้องค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย และประการที่สำคัญ จุดประสงค์ของการศึกษาพระธรรมก็เพื่อเข้าใจถูกเห็นถูกในสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในชีวิตประจำวัน แต่ไม่เคยรู้ไม่เคยเข้าใจ แม้จะกล่าวถึงภวังคจิตก็ดี วิถีจิตก็ดี ก็คือ สภาพธรรมที่มีจริงๆ ซึ่งถ้าไม่ได้ฟัง ไม่ได้ศึกษา จะไม่สามารถเข้าใจถูกเห็นถูกตามความเป็นจริงได้เลย
ทุกขณะของชีวิตก็คือการเกิดดับสืบต่อกันของจิตแต่ละขณะๆ เป็นไปอย่างไม่ขาดสาย จิต เมื่อจำแนกเป็นประเภทใหญ่ๆ แล้ว มี ๒ ประเภท คือ จิตที่เป็นวิถีจิต กับ จิตที่ไม่ใช่วิถีจิต ซึ่งก็ต้องกล่าวถึงความหมายของจิต ๒ ประเภทนี้ เป็นเบื้องต้นก่อนว่า วิถีจิต คือ จิตที่เกิดขึ้นโดยอาศัยทวารหนึ่งทวารใดใน ๖ ทวาร (ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ) ในการรู้แจ้งอารมณ์
วิถีจิต คือ จิตที่เป็นไปตามแนวทาง หมายถึง จิตซึ่งรู้อารมณ์ที่ปรากฏในโลกนี้ทางทวาร ๖ ถ้าเป็นไปตามแนวทางปัญจทวาร เรียกว่า ปัญจทวารวิถีจิต ถ้าเป็นไปตามแนวทางมโนทวาร เรียกว่า มโนทวารวิถีจิต ซึ่งวิถีจิตก็มีจิตหลายประเภทเกิดขึ้น จะจำนวนเท่าไหร่กี่จิตที่เกิดขึ้นก็ตาม รูปธรรมที่เป็นอารมณ์นั้นดับไปในขณะไหน ครับ ซึ่งเรียกเป็นวาระ
วาระ คือ วิถีจิตซึ่งเกิดดับสืบต่อกันโดยรู้อารมณ์เดียวกันและทางทวารเดียวกัน ซึ่งบางวาระวิถีจิตเกิดทั้ง ๗ วิถี บางวาระวิถีจิตเกิด ๖ วิถี บางวาระวิถีจิตเกิด ๕ วิถี บางวาระวิถีจิตไม่เกิดเลยมีแต่อตีตภวังค์และภวังคจลนะเท่านั้น คือ เมื่อรูปกระทบปสาทและกระทบอตีตภวังค์นั้น อตีตภวังค์ดับไปแล้ว ภวังคจลนะก็ยังไม่เกิดจึงเป็นอตีตภวังค์เกิดดับอีกหลายขณะ แล้วภวังคจลนะจึงเกิดไหวขึ้นแล้วดับไปๆ หลายขณะ เมื่ออารมณ์ คือ รูปที่กระทบปสาทนั้นใกล้จะดับ จึงไม่เป็นปัจจัยให้วิถีจิตเกิดขึ้นรู้อารมณ์นั้น เมื่อวิถีจิตไม่เกิดขึ้นรู้อารมณ์ที่กระทบปสาทจึงเป็นโมฆวาระ เป็นต้น ซึ่งวาระมีหลายวาระ ดังนี้
โมฆวาระ หมายถึง ขณะที่โคจรรูปเกิดขึ้นกระทบปสาทรูปแล้ว ไม่มีวิถีจิตเกิดขึ้น รู้รูปที่มากระทบ เพราะมีความบกพร่องด้วยปัจจัยบางอย่าง จนกระทั่งภวังคจิตผ่านไป ๑๗ ขณะ คือ เป็นอดีตภวังค์ตั้งแต่ ๑๐ - ๑๕ ขณะ และเป็นภวังคจลนะ ๒ ขณะ รูปนั้นจึงดับไปโดยว่างเปล่าจากวิถีจิต จากนั้นก็เป็นกระแสภวังค์ต่อไป
โวฏฐัพพนวาระ หมายถึง วิถีจิตที่อารมณ์สิ้นสุดตรงโวฏฐัพพนวิถี เพราะเมื่อโคจรรูปกระทบกับปสาทรูปทางปัญจทวาร ด้วยเหตุปัจจัยที่บกพร่องบางประการ อตีตภวังค์
จึงเกิดดับสืบต่อกัน ๔ - ๙ ขณะ ภวังคจลนะจึงไหว และภวังคุปัจเฉทะจึงตัดกระแสภวังค์ ปัญจทวาราวัชชนจิตเกิดขึ้นรำพึงถึงอารมณ์แล้วดับไป ทวิปัญจวิญญาณดวงใดดวงหนึ่งเกิดขึ้นแล้ว ดับไป สัมปฏิจฉันนจิตเกิดขึ้นรับอารมณ์ต่อ ดับไป สันตีรณจิตเกิดขึ้นไต่สวนอารมณ์ ดับไป โวฏฐัพพนจิตเกิดขึ้นตัดสินอารมณ์ แต่เพราะอารมณ์มีกำลังอ่อนเพราะใกล้จะดับแล้ว ชวนจิตจึงไม่เกิด เพราะถ้าเกิด จะต้องเกิดดับสืบต่อกันถึง ๗ ขณะ เพราะฉะนั้น โวฏฐัพพนจิตจึงเกิด ๒ - ๓ ขณะ และเป็นภวังคจิตต่อไป
ชวนวาระ หมายถึง วิถีจิตที่อารมณ์สิ้นสุดที่ตรงชวนวิถี ถ้าเป็นทาง ปัญจทวาร เมื่อรูปใดรูปหนึ่งกระทบกับปสาทรูปตามทวารนั้นๆ ภวังคจิตในขณะนั้นชื่อว่า อตีตภวังค์ แต่เพราะมีความบกพร่องของปัจจัยบางอย่าง จึงทำให้ภวังค์ล่วงเลยไปอีก ๑ - ๒ ขณะ
เป็นภวังคจลนะๆ จึงตัดกระแสภวังค์ เป็นภวังคุปัจเฉทะและเป็นวิถีจิตต่อไปจนสิ้นสุดลงที่ชวนวิถี คือ เกิด กุศลจิต อกุศลจิต 7 ขณะ เป็นต้น หรือ เกิด กิริยาจิต 7 ขณะของพระอรหันต์ ครับ ส่วน ตทาลัมพณวาระ เชิญคลิกอ่านที่นี่ ครับ
เพราะฉะนั้น พระอรหันต์ คือ ผู้ที่ดับกิเลสหมดสิ้นแล้ว ไม่มีกุศลจิตเกิด และ อกุศลจิตเกิด ท่านจะมีจิตเพียง 2 ชาติ คือ วิบากจิตและ กิริยาจิต ซึ่ง กิริยาจิตของพระอรหันต์ เช่น ท่านมีเมตตา ก็เกิด กิริยาจิต 7 ขณะได้ ทางชวนวิถี หรือ มีรูป เป็นอารมณ์ แล้วก็เกิดจิตที่ดีงาม 7 ขณะจิต ที่เป็นกิริยาจิต ที่เป็นชวนจิต แสดงว่าวาระ ของท่าน ไม่ใช่ เพียงแค่ โวฏฐัพพนวาระ เพราะ ท่านยังเกิด ชวนวาระ คือเกิด กิริยาจิตได้ ที่ชวนจิต และ รูปนั้นค่อยดับไปก็ได้ และ ท่านยังเกิด ตทาลัมพณวาระก็ได้ รวมความว่า พระอรหันต์ สามารถเกิดวาระจิต ทั้ง โมฆวาระ โวฏฐัพพนวาระ ชวนวาระ และ ตทาลัมพณวาระก็ได้ ตามสมควรกับรูปนั้น ที่จะดับไปก่อน หรือ รูปนั้นจะดับไป พร้อมกับจิต 17 ขณะ ทำให้เกิด วาระอื่นๆ ได้ ครับ
เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระอรหันต์ เป็นผู้ที่ดับกิเลสทั้งปวงอย่างหมดสิ้น ไม่มีกิเลสใดๆ เกิดขึ้นอีกเลย ไม่มีทั้งกุศล ไม่มีทั้งอกุศล พระอรหันต์มีจิตเพียง ๒ ชาติเท่านั้น คือวิบาก กับกิริยา เพราะเหตุว่า พระอรหันต์ ยังมีเห็น ยังมีการได้ยิน เป็นต้น และมีจิตที่ดีงามเกิดขึ้นเป็นไป ซึ่งเป็นชาติกิริยา เช่น พระอรหันต์ แสดงธรรมแก่ผู้อื่น เกื้อกูลอนุเคราะห์ผู้อื่น เป็นต้น ซึ่งถ้าศึกษาจะเข้าใจ พระอรหันต์ ก็มีวิถีจิต (จิตที่เกิดขึ้นโดยอาศัยทวารหนึ่งทวารใด ใน ๖ ทวาร) หลายวิถีจิต ไม่ใช่เฉพาะเพียงโวฏฐัพพนวิถี เท่านั้น และก็มีจิตที่ไม่ใช่วิถีจิตเกิดขึ้นเป็นไปด้วย จนกว่าท่านจะดับขันธปรินิพพาน ตามความแน่นอนของจิตแล้ว ก่อนที่ชวนจิต (ของพระอรหันต์) ซึ่งเป็นมหากิริยาจิตจะเกิดขึ้นเป็นไปนั้น ก็ต้องมีจิตที่เกิดก่อน นั่นก็คือ ต้องมีโวฏฐัพพนจิตเกิดขึ้้นก่อน เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญญชาของใครทั้งสิ้น ครับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ