คนดีเมื่อเกิดในภพใหม่ชาติใหม่อาจเปลี่ยนเป็นคนชั่วได้ไหม

 
sikkha
วันที่  28 ต.ค. 2556
หมายเลข  23929
อ่าน  2,385

คนดีเมื่อเกิดในภพใหม่ชาติใหม่อาจเปลี่ยนเป็นคนชั่วได้ไหม เพราะเหตุใด และถ้าเปลี่ยนเป็นคนชั่วอยากทราบว่า ความดีที่เขาเคยสะสมไว้ไม่เป็นเหตุให้ทำให้เขาเป็นคนดีต่อไปหรือ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 28 ต.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เมื่อพูดถึง คำว่า คนดี คนชั่ว หากเข้าใจความจริงของสภาพธรรม ที่ไม่มีสัตว์ บุคคล มีแต่ธรรม ที่สมมติว่าเป็นคนดี หรือ คนชั่วก็คือ สภาพธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไป ที่เป็นจิต เจตสิก เพราะฉะนั้น คนดี ก็คือ จิตที่ดีงามเกิดขึ้น มี กุศลจิต เป็นต้น และ คนชั่วก็คือ จิตที่ไม่ดี ที่เป็นอกุศลธรรมเกิดขึ้น คนดี จึงไม่ได้ดูที่เพียงภายนอก แต่ใจที่ดีงามเกิดขึ้นในขณะใด ขณะนั้นเป็นคนดี เป็นความดี ซึ่งโดยมากของปุถุชน ผู้ที่สะสมกิเลสมามาก ไม่ใช่พระอริยเจ้า ก็เกิดอกุศลจิต อกุศลธรรมโดยมาก ก็ยังเป็นผู้ที่มีความไม่ดีโดยมากที่เกิดขึ้นในจิตใจ จะกล่าวว่า เป็นคนชั่วโดยมากก็ได้ แต่ความชั่ว ความไม่ดี ก็มีหลายระดับ ความไม่ดี ที่เกิดขึ้นในจิตใจ แต่ยังไม่ล่วงออกมาทางกาย วาจา เช่น เกิดความโกรธในจิตใจ แต่ ไม่ถึงกับการฆ่าสัตว์ ไม่ถึงกับการลักทรัพย์ เป็นความชั่ว ความไม่ดี เพียงเล็กน้อย เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าก็ทรงแบ่ง ความเป็นปุถุชน ผู้ที่หนาด้วยกิเลส เป็น พาลปุถุชน คือ ผู้ที่มีแต่ความไม่ดี และทำอกุศลกรรม มีการล่วงศีล เป็นประจำ และ ไม่สนใจ ไม่ศึกษาพระธรรม และอีกบุคคลหนึ่ง คือ กัลยาณปุถุชน คือบุคคลที่สนใจ ศึกษาพระธรรม และอบรมทำความดี แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะล่วงศีล ทำบาปได้บ้างเป็นธรรมดาเมื่อเหตุปัจจัยพร้อม ครับ

เพราะฉะนั้น ในชาตินี้ คนที่ดี คือ กัลยาณปุถุชน ดี ในขณะที่ทำกุศล และสนใจพระธรรม แต่เพราะ มีกิเลสที่สะสมมามาก ยังไม่ได้ดับความเห็นผิด เมื่อเปลี่ยนภพภูมิ ไปในชาติหน้า กิเลสที่สะสมมามาก ก็ยังมีเหตุปัจจัยให้เกิดความไม่ดี เกิด การทำบาป เพราะอาศัยการคบ คนพาล ทำให้เสพคุ้นและไหลไปในทางที่ผิดได้เป็นธรรมดา ดั่งเช่น พระอริยสาวกในอดีตชาติ ที่ท่าน สะสมปัญญามา แต่เพราะความเป็นปุถุชน ก็ทำให้เสพคุ้นกับ คนที่ผิด และกิเลสที่ตนมีมาก ก็ทำให้ล่วงศีลทำบาปได้ เป็นคนชั่วในขณะนั้น ดั่งเช่น ท่านพระมหาโมคคัลลานะ ที่อดีตชาติท่านทำอนันตริยกรรมได้ มีการฆ่า บิดา มารดา เพราะ ท่านคบคนพาล คนไม่ดี เชื่อภรรยา เป็นต้น ทั้งๆ ที่ในชาติก่อนๆ ท่านก็เคยสะสมความดี สะสมปัญญาในพระพุทธเจ้าองค์ก่อน เป็นกัลยาณปุถุชน เป็นคนดี ที่เข้าใจพระธรรม แต่เพราะความเป็นปุถุชน ก็ทำให้ สามารถทำบาป เป้นคนชั่วได้เพียงชั่วขณะนั้น ในภพภูมิอื่น เพราะการเสพคุ้นกับคนพาล ครับ

แสดงให้เห็นถึง กำลังของกิเลสของปุถุชน ที่สามารถเกิดการทำชั่ว เปลี่ยนได้เป็นธรรมดา เพราะฉะนั้น ปุถุชน จึงชื่อว่า ไม่ใช่คนดีจริงๆ ผู้ที่เป้นคนดี คนประเสริฐจริงๆ คือ พระอริยเจ้า ผุ้บรรลุมรรคผล เพราะ ท่านจะไม่ทำบาป มีการ่วงศีล 5 อีกเลย แม้จะไปเกิดในภพภูมิอื่นแล้วก็ตาม ครับ ดั่งคำที่ท่านอาจารย์สุจินต์ พูดไว้น่าคิดว่า ดีเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ เพราะ ดีของปุถุชนก็ยังหวั่นไหว เพราะไม่ใช่ความดีที่มีกำลังที่จะถึงการดับกิเลสได้ ดีสูงสุด คือ ผู้ที่ไม่มีกิเลส ดับกิเลสหมดสิ้นแล้ว ครับ และ ที่น่าพิจารณา คือ ความดี ที่ประเสริฐ และ บริสุทธิ์ คือ ดีด้วยปัญา ที่เกิดจากการศึกษาพระธรรม เพราะปัญญาทีเกิดขึ้น จะค่อยๆ ละกิเลส ที่เป็นการสมมติว่าเป็นคนชั่วไปทีละน้อย จนถึง ดับกิเลสที่สุด ละ ความชั่วได้หมดสิ้น ครับ การศึกษาพระธรรม จึงเป็นการค่อยๆ เป็นคนดี ทีละน้อย ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
sikkha
วันที่ 28 ต.ค. 2556

กราบขอบพระคุณท่านผู้ตอบอย่างสูงครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
papon
วันที่ 28 ต.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 28 ต.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

แต่ละบุคคลก็มีความประพฤติเป็นไปตามเหตุปัจจัย ดี บ้าง ไม่บ้าง เป็นธรรมนั่นเองที่เกิดขึ้น ตราบใดที่ยังไม่ได้เป็นพระอรหันต์ อกุศล ก็ย่อมเกิดขึ้นเป็นไป เกิดขึ้นมากกว่าที่คิดไว้มาก จะบอกว่า อกุศล ดี ไม่ได้เลยทีเดียว อกุศล เป็นสิ่งที่จะประมาทไม่ได้เลย การสะสมกุศล ความดี เท่านั้นที่จะเป็นไปเพื่อขัดเกลาอกุศล ได้

เป็นความจริงที่ว่า ตราบใดที่ยังมีกิเลสอยู่ ยังมีตัณหา ยังมีอวิชชา ก็ยังต้องเกิดอยู่ร่ำไป จากภพนี้ซึ่งเป็นมนุษย์ภูมิ อาจจะไปเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ ก็ได้ ถ้าเป็นผลของกุศลกรรม เกิดเป็นมนุษย์หรือเกิดเป็นเทวดาก็ได้ ถ้าเป็นผลของกุศลกรรม ซึ่งเป็นไปตามสมควรแก่เหตุ คือ กรรม ทั้งสิ้น นี้แหละ คือ ความเป็นไปของบุคคลผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่ เวียนเกิดเวียนตายอย่างไม่มีวันจบสิ้น เพราะฉะนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้เกิดในภพใหม่ ยังอยู่ในชาตินี้ เมื่อได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มีอวัยวะที่ครบทุกส่วน ก็ควรที่จะได้ประโยชน์จากตรงนี้ให้มากที่สุด ด้วยการสะสมกุศล ขวนขวายในความดีทุกอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา น้อมไปในทางที่เป็นกุศล ยิ่งขึ้น กล่าวโดยสรุป คือ เป็นคนดี ควบคู่ไปกับการฟังพระธรรม การฟังพระธรรม เป็นเหตุให้ความเข้าใจถูก เห็นถูก คือ ปัญญาเจริญขึ้น เมื่อปัญญาเจริญขึ้น ก็จะเป็นเครื่องเกื้อกูลให้มีความประพฤติที่ดีงามยิ่งขึ้น ทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ ตามระดับขั้นของปัญญา สะสมเป็นอุปนิสัยที่ดีต่อไป ครับ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 28 ต.ค. 2556

คนดี เปลี่ยนเป็นคนไม่ดีได้ เพราะคบคนพาล คนไม่ดีก็เปลี่ยนเป็น

คนดีได้เพราะคบบัณฑิต ไม่แน่นอน ตามเหตุปัจจัย ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
bsomsuda
วันที่ 30 ต.ค. 2556

การเลือกคบคนมีความสำคัญ

การฟังธรรม ทำให้มีความคิดถูกเห็นถูกขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 30 ต.ค. 2556

สัมมาปฏิปทาเป็นทางสู่ความดีทีมั่นคงเป็นพระอริยบุคคลตามลำดับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
jaturong
วันที่ 30 ต.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
peem
วันที่ 30 ต.ค. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ