เรื่องทำอย่างไร

 
เมตตา
วันที่  31 ต.ค. 2556
หมายเลข  23944
อ่าน  918

การรักษาศีล การอบรมเจริญสติปัฏฐาน ล้วนเป็นเรื่องของปัญญา จุดประสงค์ที่สำคัญคือความเข้าใจสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ ทุกอย่างเป็นธรรม ว่างเปล่าจากตัวตน ผู้ที่ไม่เห็นภัยของความไม่รู้ ไม่เห็นภัยของโลภะ มีความต้องการที่คิดว่าเราปฏิบัติได้ เราให้ทาน เรารักษาศีล เรานั่งสมาธิ แล้วปัญญาจะเกิด นี่เป็นความเห็นที่ผิดทั้งหมด ตราบใดที่ยังไม่รู้ว่าธรรมคืออะไร ธรรมคือสิ่งที่มีจริง แต่ละขณะที่เกิดขึ้นเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่ใช่เรา ศีลคืออะไร ศีลก็เป็นธรรม สิ่งที่มีเป็นปกติเป็นศีล ศีลเป็นเรื่องละเอียด ในปฏิสัมภิทามรรคกล่าวไว้ว่า ปกติใดๆ ในโลกเรียกว่าศีล ศีลเป็นสภาพรู้ จิตและเจตสิกเป็นสภาพรู้ที่เกิดพร้อมกัน ทุกอย่างเป็นไปตามอำนาจของจิต และเจตสิก ศีลคือปรกติ สิ่งที่เป็นปรกติเป็นศีล รูปไม่ใช่ศีล ขณะนี้กำลังฟังธรรมเข้าใจก็เป็นปกติที่เป็นกุศลศีล แต่ขณะที่สงสัยไม่เข้าใจก็เป็นอกุศลศีล ซึ่งในชีวิตประจำวันมีปรกติเป็นอกุศลศีลมาก ถ้าไม่มีรูป จิตและเจตสิกก็เคลื่อนไหวไม่ได้ เพราะศีลเป็นความประพฤติเป็นไปของสัตว์โลก ถ้าไม่มีรูปก็พูดไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้ รูปเป็นไปตามกำลังของจิต ศีลคือปรกติของจิตที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่ใช่เราที่จะไปรักษาศีล ไม่มีเราที่จะทำอะไรได้เลย นอกจากปัญญาที่เกิดจากการฟังให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงขณะนี้ ต่อไปนี้ใครให้เราทำ ก็รู้ว่าทำไม่ได้ แม้ขณะที่สติเกิดรู้สิ่งที่กำลังปรากฏตามปกติ ขณะนั้นก็มีศีล สภาพธรรมที่เป็นสังขารขันธ์นั้นไม่ใช่เรา ไม่มีเราไปทำหน้าที่ของสังขารขันธ์ได้เลย ขณะนี้ที่ฟังเข้าใจ ก็ไม่ใช่เรา แต่เป็นเจตสิกที่เข้าใจ เราทำให้เจตสิกเกิดไม่ได้ แต่สังขารขันธ์ทั้งหมดเป็นสภาพที่ปรุงแต่ง ขณะนี้เข้าใจก็ปรุงแต่งต่อไป แต่ละขณะที่ปรุงแต่งจะเกิดขึ้นเป็นอะไรทางฝ่ายกุศล และอกุศลก็เกิดตามเหตุปัจจัยทั้งสิ้น จากการไม่มีศีล เมื่อมีความเข้าใจก็เป็นปัจจัยให้มีศีลได้ ตามลำดับขั้นจนถึง อธิศีลสิกขา อธิจิตสิกขา อธิปัญญาสิกขา ศีลเกื้อกูลปัญญา ปัญญาเกื้อกูลศีล ถ้าไม่มีกุศลจิต ปัญญาจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ที่จะรู้ความจริงของสภาพธรรมขณะนี้ และเมื่อรู้แล้วก็เกื้อกูลให้ศีลเกิดขึ้นด้วย


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
เมตตา
วันที่ 31 ต.ค. 2556

เพราะเหตุนี้ที่กล่าวว่า ไม่มีใครทำอะไรให้สภาพธรรมเกิดได้ตามความต้องการได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ให้เข้าใจถูกต้องว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่มีจริง เป็นธรรม ต้องละการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา เป็นตัวตน เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เที่ยงนี่เป็นอันดับแรกก่อน เพราะความเห็นผิดความเข้าใจผิดนั้นทำให้เกิดอกุศลทั้งหมด

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ อย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 31 ต.ค. 2556

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาพี่เมตตาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
papon
วันที่ 31 ต.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
raynu.p
วันที่ 31 ต.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
orawan.c
วันที่ 1 พ.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
nopwong
วันที่ 2 พ.ย. 2556

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
j.jim
วันที่ 2 พ.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 3 พ.ย. 2556

ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
bsomsuda
วันที่ 3 พ.ย. 2556

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่เมตตาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
Suth.
วันที่ 4 พ.ย. 2556

ขอบพระคุณท่านผู้เขียน และขออนุโมทนาในกุศลเจตนา

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
rrebs10576
วันที่ 5 พ.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
Suth.
วันที่ 7 พ.ย. 2556

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ