ผู้รักษากุรุธรรม

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอยกข้อความบางตอน ที่ท่านอาจารย์สุจินต์ บรรยายได้นี้ ครับ

ข้อความในขุททกนิกาย ชาดก อรรถกถา กุรุธรรมชาดกที่ ๖ มีข้อความว่า พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภภิกษุผู้ฆ่าหงส์รูปหนึ่ง นี่แสดงให้เห็นแล้วว่า แม้ว่าจะเป็นภิกษุก็ยังทำสิ่งที่ไม่ควร หงส์ร้อง แล้วม้วนตกลงมาแทบเท้าของภิกษุทั้งสองนั้น ภิกษุทั้งหลายที่ยืนอยู่ในที่นั้นเห็นเข้า ก็พากันมาแล้วกล่าวว่า ท่านบวชในพระพุทธศาสนา แล้วทำปาณาติบาต ชื่อว่ากระทำกรรมอันไม่สมควร แล้วพาภิกษุผู้ดีดหงส์นั้นไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสถาม ภิกษุนั้นทูลรับว่า จริง ซึ่งพระผู้มีพระภาคก็ตรัสว่า ดูกรภิกษุ เพราะเหตุไร เธอบวชในศาสนาอันเป็นเครื่องนำออกจากทุกข์เห็นปานนี้ จึงได้กระทำอย่างนี้ แม้โบราณกบัณฑิตทั้งหลายเมื่อพระพุทธเจ้ายังไม่อุบัติขึ้น อยู่อย่างเศร้าหมองในท่ามกลางเรือนยังกระทำความรังเกียจในฐานะทั้งหลาย แม้มีประมาณน้อย ส่วนเธอบวชในศาสนาเห็นปานนี้ ไม่ได้กระทำแม้มาตรว่าความรังเกียจ ธรรมดาภิกษุ พึงเป็นผู้สำรวมกาย วาจา และใจ มิใช่หรือ แล้วทรงแสดงเรื่องในอดีต เพื่อให้ภิกษุทั้งหลายเห็นความละเอียดของอกุศล แม้แต่ผู้ไม่ใช่พระภิกษุ แต่ว่าเป็นบัณฑิตก็ยังไม่กระทำ สิ่งที่ไม่ควรกระทำอย่างนั้น แต่ว่าพระภิกษุที่บวชในพระศาสนา แม้ในสมัยที่พระผู้มีพระภาคยังไม่ปรินิพพาน ก็ยังกระทำสิ่งที่ควรรังเกียจถึงเช่นนั้น พระผู้มีพระภาค ทรงแสดงเรื่องในอดีตเพื่อที่จะให้ภิกษุทั้งหลายได้เห็นความละเอียดของอกุศลที่จะต้องขัดเกลาจริงๆ อย่างละเอียดมากทีเดียว มิฉะนั้นก็ไม่สามารถที่วันหนึ่งจะรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้

น่าสนใจไหมคะว่า ธรรมของกุรุ หรือกุรุธรรมนั้นคืออะไร

ศีลห้า ชื่อว่า กุรุธรรม

พระโพธิสัตว์ ทรงรักษาศีลห้านั้นให้บริสุทธิ์ พระมารดาของพระโพธิสัตว์ พระอัครมเหสีของพระโพธิสัตว์ พระอุปราชผู้เป็นพระอนุชา พราหมณ์ผู้เป็นปุโรหิต อำมาตย์ผู้รังวัดนา สารถี คือคนขับยาน เศรษฐี มหาอำมาตย์ผู้ตวงข้าว นายประตู นางวัณณทาสี ผู้เป็นนครโสเภณี ก็เหมือนพระโพธิสัตว์ รวมความว่า ชนเหล่านี้รักษาศีลห้าเหมือนดังพระโพธิสัตว์ ชน ๑๑ คน คือ พระราชา คือ พระโพธิสัตว์ ๑ พระชนนี ๑ พระอัครมเหสี ๑ พระอุปราช ๑ ปุโรหิต ๑ อำมาตย์ผู้รังวัด ๑ สารถี ๑ เศรษฐี ๑ อำมาตย์ผู้ตวงข้าว ๑ นายประตู ๑ และนางคณิกา ๑ ดำรงอยู่ในกุรุธรรม

ส่วน กุรุธรรมชาดก อยู่ในแผ่นที่ 31 ชุดเทปวิทยุ เริ่มครั้งที่ 1817 - 1819 ครับ

ขออนุโมทนา

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลโดยตลอด ไม่ว่าจะศึกษาในส่วนใดของพระธรรมคำสอนก็ตาม แม้ในส่วนของชาดกก็เป็นพระธรรมคำสอนของพระองค์ด้วย ที่ทรงแสดงเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในอดีตปรรพิ ความประพฤติเป็นไปของพระองค์ ตลอดจนถึงบุคคลต่างๆ ที่เป็นเป็นสาวกท่านอื่นๆ มากมาย ในแต่ละชาดกก็จะมากไปด้วยเนื้อหาสาระของธรรมที่ควรน้อมประพฤติตาม เว้นในสิ่งที่ไม่ดี ที่เป็นอกุศลซึ่งเป็นโทษเป็นภัย ถ้าได้ศึกษาแล้ว จะเกื้อกูลอย่างมากในประโยชน์ในชีวิตประจำวัน ในกุรุธรรมชาดกก็เช่นเดียวกัน เตือนให้เป็นผู้ไม่ประมาทในอกุศลธรรม ครับ

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ..

เรียนคุณผเดิม ถ้าดิฉัน จำไม่ผิด ไม่ใช่ตอนภิกษุ ฆ่าหงส์ แต่เป็นตอนที่เกี่ยวกับแผ่นดินหนึ่งแห้งแล้ง พระราชาจึงให้ไปสอบถามอีกแผ่นดินหนึ่งที่อุดมสมบูรณ์ ได้ความว่า พระราชาและราษฎรของแผ่นดินนั้น รักษากุรุธรรม ไม่ทราบว่าถูกมั้ยคะ

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

เรียนความเห็นที่ 3 ครับ

สำหรับ เรื่องชาดกทั้งหลายพระพุทธเจ้า จะทรงตรัสชาดก เพราะ มีเหตุเกิดขึ้น คือ มีเรื่องเกิดขึ้น จึงทรงตรัสเรื่องนั้น ซึ่ง เหตุการณ์ในปัจจุบันที่เกิดขึ้น คือ ภิกษุ ฆ่าหงษ์ พระพทธเจ้าทรงทราบ ทรงติเตียน และ เล่าชาดก เรื่องราวในอดีตว่า บัณฑฺิต แม้สมัยก่อนยังไม่ทำบาปเลย มีการรักษากุรุธรรม คือ ศีล 5 พระองค์ทรงเล่าเหตุการณ์ในอดีตจึงมีเรื่องราว ที่เกี่ยวกับ แผ่นดินแห้งแล้ง คือ อีกเมืองหนึ่ง ของพระเจ้ากาลิงคราช แผ่นดินแห้งแล้ง จึงหาวิธีที่จะทำให้ฝนตก ต้องตามฤดูกาล ครับ

รวมความว่า ทั้งภิกษุฆ่าหงษ์ เป็นเหตุการณ์ปัจจุบันให้พระพุทธเจ้าตรัสเล่าชาดกเหตุการณ์ในอดีต ที่ปรารภเรื่องแผ่นดินแห้งแล้ว ครับ ขออนุโมทนา

อ๋อ เข้าใจแล้วค่ะ ขอบพระคุณคุณผเดิมค่ะ อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

ขออนุโมทนา

อนุโมทนาค่า