ผู้มีสติสมบูรณ์คือพระอรหันต์เท่านั้น ใช่หรือไม่
มีคำถามจากเพื่อนว่า "อะไรคือตัววัดว่า สติเราสมบูรณ์" ตามความเข้าใจของผมสติไม่ได้เกิดบ่อย โดยที่สติต้องเป็นไปในทาน ศีล ภาวนา เท่านั้น บุคคลธรรมดาผู้ยังไม่บรรลุเป็นพระอริยเจ้าขั้นใดขั้นหนึ่ง จะเกิดสติระลึกได้เพียงครั้งละเล็กละน้อยเท่านั้น ต่อจากนั้นจิตก็จะเป็นไปในทางอกุศลต่อไปอีก ผู้มีสติสมบูรณ์โดยไม่มีการเผลอสติเลย คือพระอรหันต์เท่านั้น ใช่หรือไม่
กรุณาให้ความกระจ่างด้วยครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สติ ตามพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ที่เป็นเจตสิก สติเป็นเจตสิกฝ่ายดี คือเกิดกับจิตที่ดีงาม ไม่เกิดกับอกุศลจิตเลย สติ ทำหน้าที่ระลึกเป็นไปในทางที่ดี และ สติเป็นธรรมที่เป็นเครื่องกั้นกระแสกิเลส สติ มีหลายอย่าง หลายชนิด แต่ สติ ก็ต้องกลับมาที่ สติเป็น สภาพธรรมฝ่ายดี ครับ สติ แบ่งตามระดับของกุศลจิต เพราะ เมื่อใด กุศลจิตเกิด สติจะต้องเกิดร่วมด้วย กุศลจิต มี 4 ขั้น คือ ขั้นทาน ศีล สมถภาวนา และ วิปัสสนาภาวนา สติจึงมี 4 ขั้น คือ สติที่ระลึกเป็นไปในทาน สติที่ระลึกไปในศีล สติที่ระลึกเป็นไปในสมถภาวนา และ สติที่ระลึกเป็นไปในวิปัสสนาภาวนา สติขั้นทาน คือ เมื่อสติเกิดย่อมระลึกที่จะให้ สติขั้นศีล คือ ระลึกที่จะไม่ทำบาป งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ สติขั้นสมถภาวนา เช่น ระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า และสติขั้นวิปัสสนา คือ สติที่ระลึกลักษณะของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ เกิดพร้อมปัญญารู้ความจริงว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ครับ
ดังนั้น สติ จึงเป็นสภาพธรรม ที่ระลึกเป็นไปในกุศลทั้งหลาย และ ขณะใดที่สติเกิดขณะนั้น อกุศลไม่เกิด เพราะ กั้นกระแสกิเลสในขณะนั้น สติเป็นธรรมฝ่ายดี เพราะฉะนั้นจะไม่เกิดกับอกุศลจิตเลยครับ ดังนั้นในขณะใดที่อกุศลจิตเกิดก็จะไม่มีสติเกิดร่วมด้วยเลย เราไม่ได้หมายความถึงสติที่เป็นสติปัฏฐานอย่างเดียว ขณะที่จิตเป็นกุศลไม่ว่าประการใดก็ชื่อว่ามีสติเกิดร่วมด้วยและไม่หลงลืมสติในขณะจิตนั้น แต่ไม่จำเป็นว่าจะต้องรู้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา เพราะขณะนั้นไม่มีปัญญา ไม่ว่าบุคคลใดถ้าจิตเป็นกุศลหรือเป็นจิตฝ่ายดี ก็มีสติเกิดร่วมด้วย ซึ่งกุศลทุกระดับมีสติเกิดร่วมด้วย แต่กุศลขั้นทาน ศีล สมถภวานาไมได้รู้ความจริงว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ตราบใดที่ยังไม่ใช่พระอรหันต์ก็ยังเป็นผู้หลงลืมสติในขณะที่อกุศลจิตเกิด ส่วนพระอรหันต์ไม่หลงลืมสติเพราะอกุศลจิตไม่เกิด ถึงแม้ในขณะเห็น ได้ยิน จะไม่มีสติเกิดร่วมด้วยแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าท่านหลงลืมสติเพราะหลังจากเห็นและได้ยินแล้ว ในวาระอื่นๆ ท่านจะไม่เป็นอกุศลจิตเลย จึงชือ่ว่าเป็นผู้ไม่หลงลืมสติครับ พระอรหันต์ จึงชื่อว่า เป็นผู้มีสติสมบูรณ์ เพราะไม่เกิดอกุศลจิตที่ทำให้หลงลืมสติ และที่สำคัญที่สุด สติจะสมบูรณ์ได้ ก็เมื่อมีธรรมที่อุปการะ สำคัญที่สุด คือ ปัญญา ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระอรหันต์ เป็นผู้ที่ห่างไกลแสนไกลจากกิเลสโดยประการทั้งปวง ดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างหมดสิ้นไม่มีเหลือ ไม่มีกิเลสใดๆ เกิดขึ้นอีกเลย ความประพฤติเป็นไปอย่างบุคคลผู้ที่มีกิเลส ย่อมไม่เกิดมีกับพระอรหันต์ ชีวิตของท่านก็ดำเนินต่อไปในฐานะของผู้ที่ดับกิเลสหมดแล้ว ไม่มีกุศลจิต ไม่มีอกุศลจิต เกิดขึ้นมีเพียงจิต ๒ ชาติเท่านั้น คือวิบาก กับ กิริยา จนกว่าจะถึงกาละที่ท่านจะดับขันธปรินิพพาน เมื่อดับขันธปรินิพพพานแล้ว ไม่มีการเกิดอีกในสังสารวัฏฏ์ เป็นผู้สิ้นทุกข์โดยประการทั้งปวง
พระอรหันต์เป็นผู้ไม่หลงลืมสติคือท่านไม่มีอกุศลจิต ผู้ที่หลงลืมสติคือ ขณะที่จิตเป็นอกุศล สำหรับพระอรหันต์เป็นผู้ไม่หลงลืมสติ คือ ท่านไม่มีอกุศลจิตใดๆ อีกเลยแต่ไม่ใช่ว่าพระอรหันต์มีสติปัฏฐานเกิดตลอดเวลา ขณะที่ท่านมีจิตมหากิริยาญาณวิปยุต ขณะนั้นก็ไม่มีสติปัฏฐาน และขณะที่ท่านมีอเหตุกจิต เกิดขึ้น คือ เห็น ได้ยิน เป็นต้นขณะนั้นไม่มีสติเกิดร่วมด้วย แต่ไม่ใช่ว่าท่านหลงลืมสติ เพราะเหตุว่า พระอรหันต์ ไม่มีอกุศลใดเกิดขึ้นอีกแล้ว ดับกิเลสได้อย่างหมดสิ้น ไม่มีเหลือ ครับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ