เราสามารถสังเกตตนเองได้ไหมว่ามีสมาธิระดับใด

 
Suth.
วันที่  6 พ.ย. 2556
หมายเลข  23980
อ่าน  1,167

ในสมาธิ 3 ประเภท ได้แก่ ขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ อัปปนาสมาธิ

1. เรามีขณิกสมาธิได้เสมอๆ ใช่หรือไม่ หรืออาจเกิดอุปจารสมาธิได้ในชีวิตประจำวัน ได้หรือไม่

2. เราสามารถสังเกตระดับของสมาธิได้หรือไม่ว่าเรามีสมาธิในระดับใดในชีวิตประจำวัน


Tag  สมาธิ  
  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 7 พ.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

1. เรามีขณิกสมาธิได้เสมอๆ ใช่ หรือไม่ หรือ อาจเกิดอุปจารสมาธิได้ ในชีวิตประจำวันได้หรือไม่

- สมาธิ เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ว่าโดยสภาพธรรมแล้ว เป็นเจตสิกประการหนึ่ง ที่ตั้งมั่นในอารมณ์หนึ่งอารมณ์ใด อารมณ์ คือ สิ่งที่จิตรู้ เมื่อจิตเกิดขึ้นต้องรู้อารมณ์ และก็จะต้องมีสมาธิซึ่งเป็นเอกัคคตาเจตสิกเกิดร่วมกับจิตทุกครั้งทุกขณะ ไม่เว้นเลยตั้งมั่นในอารมณ์ที่จิตกำลังรู้ ดังนั้น ไม่ว่าจะนั่ง จะยืน จะนอน จะเดิน จึงไม่ปราศจากสมาธิเลย เพราะเกิดกับจิตทุกขณะ ดังนั้น ขณะนี้ทุกขณะจึงมีสมาธิที่เป็นขณิกสมาธิ ครับ แต่จะไม่ถึงอุปจารสมาธิ ตราบใดที่ไม่ได้ เจริญสมถภาวนา นอกเสียจากมีการเจริญสมถภาวนา ในทางที่ถูกต้อง ที่เป็นสัมมาสมาธิเท่านั้น จึงจะถึงอุปจารสมาธิได้ครับ

2. เราสามารถสังเกตระดับของสมาธิได้หรือไม่ว่าเรามีสมาธิในระดับใดในชีวิตประจำวัน

- ถ้าเป็นเรา ย่อมไม่มีทางจะรู้ได้เลยว่าเป็นสมาธิระดับไหน นอกเสียจากปัญญาแล้ว จึงจะรู้ได้ ที่เป็นปัญญา ในระดับวิปัสสนา ที่เป็นการระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรม ตามความเป็นจริง ครับ ปัญญาเท่านั้นที่จะรู้ แต่ก่อนจะถึงการรู้เช่นนั้น จะต้องอบรมปัญญามามาก ซึ่งสำคัญที่ความเข้าใจถูกในปัจจุบัน คือ การฟัง ศึกษาพระธรรม ในหนทางที่ถูกต้องที่ไม่ใช่การที่จะเลือกรู้อารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งโดยเฉพาะ เพราะเป็นหนทางที่ผิดขัดกับหลักอนัตตาที่บังคับ บัญชาไม่ได้ เพราะฉะนั้น เมื่อไหร่ที่จะทำ เมื่อนั้นก็ผิด แต่เมื่อไหร่ที่จะเข้าใจด้วยการอบรมเหตุ คือ การฟังพระธรรมต่อไป เมื่อนั้นจึงจะถูกต้อง ครับ

...ขออนุโมทนา ครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 8 พ.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ธรรม เป็นเรื่องที่ละเอียดลึกซึ้งมาก แสดงถึงสิ่งที่มีจริงทุกอย่างทุกประการตาม ความเป็นจริง ซึ่งถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม ก็จะไม่มีทางรู้เลยว่า เป็นธรรม ดังนั้น การตั้งต้นเป็นสิ่งที่สำคัญ เมื่อกล่าวถึง สมาธิ ก็ควรที่จะได้เข้าใจในคำดังกล่าวนี้ ก่อนว่า คือ อะไร? สมาธิ มีจริงๆ เป็นธรรม เกิดขึ้นเป็นไปอยู่ทุกขณะ เพราะเป็นเอกัคคตาเจตสิกที่เกิดกับจิตทุกขณะทุกประเภท ไม่ใช่ว่า พอได้ยินคำว่าสมาธิจะเป็นธรรมที่ดีเท่านั้น เนื่องจากว่าสมาธิที่เกิดกับจิตที่เป็นอกุศล จะดีไม่ได้ ก็ต้องเป็นอกุศลสมาธิ แต่ถ้าเกิดกับจิตที่เป็นกุศล ก็เป็นกุศลก็ขึ้นอยู่กับว่าจะเกิดกับจิตประเภทใด

ธรรม ไม่ได้มีเฉพาะสมาธิเท่านั้น มีมากมายทีเดียว ทั้งที่เป็นนามธรรม และรูปธรรมทั้งหมดนั้นควรที่จะได้ฟัง ได้ศึกษาสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย เพราะหนทางแห่งการอบรมเจริญปัญญาเท่านั้นที่จะเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
nopwong
วันที่ 9 พ.ย. 2556

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
peem
วันที่ 10 พ.ย. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
orawan.c
วันที่ 11 พ.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
isme404
วันที่ 12 พ.ย. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 21 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ