คนพาลร้ายกว่าทุกอย่าง
[เล่มที่ 41] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หน้าที่ 150
คาถาธรรมบท
พาลวรรค ที่ ๕
ว่าด้วยคนพาลร้ายกว่าทุกอย่าง
[๑๕] ๑. ราตรีของคนผู้ตื่นอยู่นาน โยชน์ของคนล้าแล้วไกล สงสารของคนพาลทั้งหลาย ผู้ไม่รู้อยู่ซึ่งสัทธรรมย่อมยาว.
๒. ถ้าบุคคลเมื่อเที่ยวไป ไม่พึงประสบสหาย ผู้ประเสริฐกว่า ผู้เช่นกับ (ด้วยคุณ) ของคนไซร้ พึงทำความเที่ยวไปคนเดียวให้มั่น เพราะว่า คุณ เครื่องเป็นสหายย่อมไม่มีในเพราะคนพาล.
๓. คนพาลย่อมเดือดร้อนว่า บุตรทั้งหลาย ของเรามีอยู่ ทรัพย์ (ของเรา) มีอยู่ ตนแลย่อมไม่มีแก่ตน บุตรทั้งหลายจักมีแต่ที่ไหน ทรัพย์จักมีแต่ที่ไหน.
๔. บุคคลใดโง่ ย่อมสำคัญความที่ตนเป็น คนโง่ บุคคลนั้นจะเป็นบัณฑิต เพราะเหตุนั้นได้บ้าง สวนบุคคลใดเป็นคนโง่ มีความสำคัญว่าตนเป็น บัณฑิต บุคคลนั้นแล เราเรียกว่าคนโง่.
๕. ถ้าคนพาล เข้าไปนั่งใกล้บัณฑิตอยู่แม้จนตลอดชีวิต เขาย่อมไม่รู้ธรรม เหมือนทัพพีไม่รู้รสแกงฉะนั้น.
๖. ถ้าวิญญูชนเข้าไปนั่งใกล้บัณฑิตแม้ครู่เดียว เขาย่อมรู้แจ้งธรรมได้ฉับพลัน เหมือนลิ้นรู้รสแกงฉะนั้น.
๗. ชนพาลทั้งหลายมีปัญญาทราม มีตน เป็นดังข้าศึก เที่ยวทำกรรมลามกซึ่งมีผลเผ็ดร้อนอยู่.
๘. บุคคลทำกรรมใดแล้ว ย่อมเดือดร้อนในภายหลัง เป็นผู้มีหน้าชุ่มด้วยน้ำตา ร้องไห้เสวยผลของกรรมใดอยู่ กรรมนั้นอันบุคคลกระทำแล้วไม่ดีเลย.
๙. บุคคลทำกรรมใดแล้ว ย่อมไม่เดือดร้อนในภายหลัง เป็นผู้เอิบอิ่ม มีใจดี ย่อมเสวยผลของกรรมใด กรรมนั้นแล อันบุคคลทำแล้วเป็นกรรมดี.
๑๐. คนพาลย่อมสำคัญบาปประดุจน้ำผึ้ง ตราบเท่าที่บาปยังไม่ให้ผล ก็เมื่อใดบาปให้ผล เมื่อนั้นคนพาลย่อมประสบทุกข์.
๑๑. คนพาลพึงบริโภคโภชนะด้วยปลายหญ้า คาทุกๆ เดือน เขาย่อมไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๖ แห่งท่าน ผู้มีธรรมอันนับได้แล้ว.
๑๒. ก็กรรมชั่วอันบุคคลทำแล้ว ยังไม่ให้ผล เหมือนน้ำนมที่รีดในขณะนั้น ยังไม่แปรไปฉะนั้น บาปกรรมย่อมตามเผาคนพาล เหมือนไฟอันเถ้ากลบไว้ฉะนั้น.
๑๓. ความรู้ย่อมเกิดแก่คนพาล เพียงเพื่อความฉิบหายเท่านั้น ความรู้นั้นยังหัวคิดของเขาให้ตกไป ย่อมฆ่าส่วนสุกกธรรมของคนพาลเสีย.
๑๔. ภิกษุผู้พาล พึงปรารถนาความยกย่องอัน ไม่มีอยู่ ความแวดล้อมในภิกษุทั้งหลาย ความเป็น ใหญ่ในอาวาส และการบูชาในตระกูลแห่งชนอื่น ความดำริย่อมเกิดขึ้นแก่ภิกษุผู้พาลว่า คฤหัสถ์และ บรรพชิตทั้งสองจงสำคัญกรรมอันเขาทำเสร็จแล้ว เพราะอาศัยเราผู้เดียว จงเป็นไปในอำนาจของเขา เท่านั้น ในกิจน้อยใหญ่กิจไรๆ ริษยาและมานะ ย่อมเจริญ (แก่เธอ) .
๑๕. ก็ข้อปฏิบัติอันเข้าไปอาศัยลาภ เป็น อย่างอื่น ข้อปฏิบัติอันยังสัตว์ให้ถึงพระนิพพานเป็น อย่างอื่น (คนละอย่าง) ภิกษุผู้เป็นสาวกของพระ- พุทธเจ้าทราบเนื้อความนั้นอย่างนี้แล้ว ไม่พึงเพลิดเพลินสักการะ พึงตามเจริญวิเวก.
จบพาลวรรคที่ ๕
(วรรคนี้ มีอรรถกถา ๑๕ เรื่อง)