การที่ร่างกายเคลื่อนไหวกับธาตุลม
เรียนอาจารย์ทั้งสองท่าน
การเคลื่อนไหวเป็นลักษณะของธาตุดิน แล้วคนที่เป็นอัมพาต เป็นความไม่สมดุลย์ของมหาภูตรูปหรือครับ ขอความอนุเคราะห์ด้วยครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การเคลื่อนไหวได้ เพราะอาศัยธาตุลม คือ วาโยธาตุเป็นสำคัญ ไม่ใช่ธาตุดิน สำหรับคนเป็นอัมพาต ขยับร่างกายไม่ได้ เพราะ รูปไม่ควรแก่การงาน ทำให้แม้มีความต้องการจะเคลื่อนไหว ก็ไม่สามารถจะขยับได้ อย่างไรก็ดี หากแม้เป้นผู้อัมพาต แต่เป้นผู้ที่สะสมปัญญาความเข้าใจมา มีการสนใจพระธรรม มี ตาและหูใช้ได้ก็สามารถสะสมปัญญา สะสมความเข้าใจพระธรรมได้ ตามสมควร กับเหตุ เพราะ ชีวิตของผู้มีร่างกายครบบริบูรณ์แต่ไม่สะสมปัญญาไม่เจริญกุศลก็เหมือนบุคคลที่ตายแล้ว เพราะฉะนั้น ปัญญาเป็นที่พึ่ง รูปร่างกายไม่ได้เป็นที่พึ่ง ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ผู้ที่เป็นอัมพาตเพราะรูปไม่ควรแก่การงาน จึงทำให้เกิดอาการขยับขเยื้อนไม่ได้ แต่ตราบใดก็ตามที่ยังมีกิเลสอยู่ ยังมีการเกิดขึ้นเป็นไปในแต่ละชาติ ก็ยังต้องมีสภาพธรรมที่เป็นจิต เจตสิก และ รูป เกิดขึ้นเป็นไป แม้ในการที่เป็นอัมพาต ก็มีรูปธรรมและนามธรรมเกิดขึ้นเป็นไป เราไม่สามารถจะรู้ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้างแม้ในขณะต่อไป เพราะฉะนั้นแล้ว แม้ชีวิตจะลำบาก มากไปด้วยทุกข์เพียงใด ชีวิตยังมีค่า ที่จะได้สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกจากการฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ดังที่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้กล่าวไว้เมื่อตอนสนทนาธรรมที่โรงแรมอิมพีเรียล ประเทศอินเดีย ว่า
"ฟังพระธรรมต่อไป เพื่อชาตินี้จะได้เข้าใจธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากอย่างยิ่ง" ครับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ
คนที่เป็นอัมพาต เป็นผลของกรรม ที่ทำให้รูปที่ควรแก่การงานไม่ทำงาน มีคนหนึ่งเป็นอัมพาตมาหลายปี แต่พอหมดผลของกรรม เขาก็หายและก็เดินได้เป็นปกติ ค่ะ
ผู้คนชอบมองที่ผล แต่หารู้ไม่เร่ืองการเกิด ดับของรูปและนามที่เป็นไปแต่ละขณะ เกรงว่าจะไปอบายบ้าง เลยมาฟังธรรม ไม่ได้อยู่ในความตั้งมั่นในคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย ไม่มีความจริงใจที่จะมีศรัทธา ประพฤติปฎิบัติตามคำสอน เพียงแค่เจ็บปวดและหายาแก้ปวดกิน เหตุไม่สมควรแก่ผล ไม่เอาเปรียบเกินไปหรือ ที่ว่าเอาเปรียบก็เอาเปรียบตน ไม่ซ่ือตรงต่อตนเอง
กราบอนุโมทนาค่ะ