ให้ทานเพราะหวังผลตอบแทน

 
tanrat
วันที่  13 พ.ย. 2556
หมายเลข  24022
อ่าน  2,606

อยากได้สวรรค์สมบัติจึงขวนขวายการให้ทาน เพราะเคยได้ยินได้ฟังมาว่าหากให้ทานหรือทำบุญมากๆ จำนวนเงินมากๆ ให้กับผู้ที่เป็นผู้มีบุญกุศลมาก เช่นพระภิกษุสงฆ์ที่แลดูสงบ เคร่งธรรมะ รักษาศีลบริสุทธิ์๒๒๗ข้อ จะได้บุญมากๆ จึงกระทำให้ทาน เช่นนี้แล้วจะได้บุญมากๆ จริงหรือ กราบเรียนถามท่านผู้รู้กรุณาเรียนให้ทราบด้วยค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 13 พ.ย. 2556

ตามหลักคำสอนพระพุทธองค์ทรงแสดงความจริงว่า กุศลกรรมคือการให้ทาน มีผลมีอานิสงส์ แต่ผลจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น วัตถุสิ่งของที่เราให้เป็นของดีประณีต ผู้ให้ก็มีคุณธรรม ประพฤติธรรม ก่อนให้ทาน หลังให้ทานก็ดีใจมีเจตนาดี ผู้รับก็มีคุณธรรมประพฤติธรรม เป็นต้น ดังนั้น การให้ทานทำบุญแต่ละครั้งนั้น ผลของบุญจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่ที่องค์ประกอบดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ส่วนจำนวนเงินมาก หรือน้อยคงไม่เป็นประมาณ คือคนที่ทำบุญด้วยเงินจำนวนน้อย ผลบุญก็อาจจะมากกว่าคนที่ทำบุญด้วยเงินจำนวนมากก็ได้ และผู้รับทานก็มีส่วนคือ ถ้าท่านมีศีลไม่มีกิเลสในภายใน ผลของบุญก็ยิ่งมากกว่า และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ ถ้าทำบุญแล้วติดข้องผูกพันในผลของบุญ ผลของบุญก็น้อยกว่าผู้ที่ให้แล้วไม่ติดข้องในผลบุญครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
tanrat
วันที่ 13 พ.ย. 2556

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
peem
วันที่ 13 พ.ย. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 13 พ.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ถ้าทานกุศลในชีวิตประจำวัน ไม่เกิดเลย จะดำเนินไปถึงการดับกิเลสได้อย่างไร การเจริญกุศล ก็ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น แต่เพื่อขัดเกลากิเลส กุศลเป็นสภาพธรรม ฝ่ายดี ควรที่จะอบรมเจริญในชีวิตประจำวัน ขณะใดที่กุศลจิตเกิด ขณะนั้นจะเบาสบาย ผ่องใส ซึ่งจะตรงกันข้ามกับขณะที่จิตเป็นอกุศลอย่างสิ้นเชิง

แม้ในขณะที่ให้ทาน ไม่ใช่ให้เพื่อหวังผลเป็นสิ่งตอบแทนจากการให้ เป็นต้น แต่เพื่อขัดเกลากิเลสของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ ความตระหนี่ ถ้าเป็นผู้ได้ศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม ก็จะทำให้เห็นอกุศลที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริงแล้วเริ่มขัดเกลากิเลสของตนเอง และเป็นผู้ที่เข้าใจในเหตุในผลมากยิ่งขึ้น ทั้งหมดย่อมเป็นเพราะได้ศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม ปัญญาเข้าใจสภาพธรรมที่กำลังมีในขณะนั้น

การเจริญกุศลเพื่อหวังสิ่งหนึ่งสิ่งใดตอบแทนนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง ถ้าเริ่มเข้าใจพระธรรมไปตามลำดับแล้ว การเจริญกุศลทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นในขั้นของทาน (การให้ สละวัตถุสิ่งของ เพื่อประโยชน์สุขของบุคคลอื่น อันเป็นการสละซึ่งความตระหนึ่) ขั้นของศีล (งดเว้นจากทุจริตกรรมประการต่างๆ และประพฤติในสิ่งทีดีงาม) ขั้นของภาวนา (การอบรมเจริญความสงบของจิต และการอบรมเจริญปัญญาที่ประจักษ์แจ้งในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง) ย่อมเป็นไปเพื่อการขัดเกลากิเลสทั้งสิ้น ครับ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
majweerasak
วันที่ 15 พ.ย. 2556

ขอร่วมแสดงความเห็นด้วยครับ

จิตขณะให้ หรือขณะที่คิดจะให้ เป็นคนละขณะ กับขณะที่หวังผลตอบแทน
และขณะที่ให้ทาน นั้น (จิต) เป็นบุญ ไม่ใช่ได้บุญ
และขณะที่หวังหรืออยากได้ นั้น (จิต) ไม่เป็นบุญ และก็ไม่ได้บุญด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
pamali
วันที่ 15 พ.ย. 2556

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
wannee.s
วันที่ 15 พ.ย. 2556

ทานมีอานิสงส์มากน้อย ขึ้นอยู่กับผู้รับมีศีล และจิตของผู้ให้ ขณะให้ กำลังให้ ให้แล้วไม่เสียดาย ของที่ให้ ได้มาด้วยความสุจริต ฯลฯ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
nopwong
วันที่ 16 พ.ย. 2556

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 16 พ.ย. 2556

ขอบคุณและขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
papon
วันที่ 22 พ.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ