ระลึกรู้ลักษณะนามธรรมและรูปธรรมที่กำลังปรากฏทีละลักษณะ

 
papon
วันที่  23 พ.ย. 2556
หมายเลข  24065
อ่าน  777

เรียนอาจารย์ทั้งสองท่าน

ระลึกรู้ลักษณะนามธรรมและรูปธรรมที่กำลังปรากฏทีละลักษณะ หมายความว่าอย่างไรครับ ขอความอนุเคราะห์ด้วยครับ ขออนุโมทนาครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 24 พ.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ระลึกรู้ลักษณะนามธรรมและรูปธรรมที่กำลังปรากฏทีละลักษณะ คือ สติที่ทำหน้าที่ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ เช่น เห็น ได้ยิน คิดนึก สี เสียง ทีละขณะ คือ ทีละสภาพธรรมที่กำลังปรากฎ โดยระลึกรู้ตัวลักษณะของสภาพธรรม และ มีปัญญาเกิดรู้ว่ามีแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา ซึ่งการระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม ทีละลักษณะ ก็แล้วแต่ว่า สติว่าจะเกิดหรือไม่อย่างไร เพราะ เป็นอนัตตา และ กว่าจะถึงจุดนั้น จะต้องอบรมปัญญาขั้นการฟังอย่างมากมาย และ มั่นคงเป็นสัจจญาณ จึงจะเกิดสติปัฏฐานได้ เพราะฉะนั้น ในขณะนี้ หน้าที่สำคัญ คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมต่อไป ครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 24 พ.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ระลึกรู้สภาพธรรม ต้องทีละลักษณะ จะรู้หลายๆ อย่างพร้อมกันในขณะเดียวกันไม่ได้ นี้คือความเป็นจริงของธรรม

พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษานั้น แสดงถึงความเป็นจริงของสภาพธรรม ที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่เรา เพื่อให้ผู้ฟังได้เข้าใจถึงลักษณะ ของสภาพธรรม ที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง สำหรับธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงนั้น ไม่พ้นไปจากสิ่งที่มีจริงในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส คิดนึก จิตเป็นกุศล เป็นอกุศล เป็นวิบาก เป็นกิริยา โดยประมวลแล้ว เป็นจิต เจตสิก รูป หรือ เป็นนามธรรม กับ รูปธรรม เมื่อประมวลให้ย่อที่สุดแล้ว คือ เป็นธรรม หรือ เป็นธาตุ เมื่อเป็นธรรม เป็นธาตุ แต่ละอย่างๆ จึงหาความเป็นสัตว์เป็นบุคคลไม่ได้เลย

การระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรม เป็นเรื่องของความเข้าใจที่ค่อยๆ เจริญขึ้นจากการได้มีโอกาสไดัฟังความจริง ที่เป็นสัจจธรรม เป็นธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ไม่ใช่ด้วยความคิดนึก แต่ในขณะนั้นสติพร้อมด้วยปัญญา เกิดขึ้น ทำกิจหน้าที่ระลึกรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง ซึ่งตามความเป็นจริงแล้ว ธรรมเกิดขึ้นเป็นไปอยู่ตลอด ไม่ใช่เฉพาะทางกาย กับ ทางหู เท่านั้น ธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปทางทวารอื่นๆ ก็มีด้วย มีธรรมเกิดขึ้นเป็นไปอยู่ตลอด แต่ไม่ปรากฏด้วยดีกับสติและปัญญา

เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปทางทวารใด ก็ตาม สำคัญที่ปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูกที่ได้สะสมอบรมเจริญ ไม่ใช่เป็นการเจาะจงที่จะรู้เฉพาะทวารหนึ่งทวารใด เพราะถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว ไม่พ้นไปจากความเป็นตัวตน ไม่ได้ขัดเกลาละคลายอะไรเลย จึงสำคัญที่ความเข้าใจถูกเห็นถูกตั้งแต่ต้น

ซึ่งถ้ามีความเข้าใจอย่างถูกต้องแล้ว เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม สภาพธรรมเกิดปรากฏก็สามารถรู้ตามความเป็นจริงได้ เป็นธรรมที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ครับ

อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 24 พ.ย. 2556

รู้ว่าธรรมเป็นของจริง มีเดี๋ยวนี้ ขณะนี้ ที่พิสูจน์ได้ เช่น เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส แต่ว่าปัญญาขั้นฟัง ไม่สามารถเข้าถึงปรมัตถ์ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
j.jim
วันที่ 25 พ.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ