คนสมัยนี้ทำบุญด้วยความโลภ จะสอนเขายังไง

 
ไทย
วันที่  25 พ.ย. 2556
หมายเลข  24076
อ่าน  1,096

คนชนบท เวลาใส่บาตรปั้นข้าวเหนียวแค่หัวนิ้วโป้งใส่ รวมถึง คนลาว เพราะเขาใส่ด้วยความละความอยากออกจากตัว แต่คนเมือง เช่น คนกรุงเทพ ใส่บาตรที เหมือนน้ำท่วมบาตรเลยทีเดียว ใส่เพราะความอยากจะได้บุญมากๆ ได้นั่นได้นี่ ซึ่งดีแล้วผิดหลักการทำบุญ ที่ทำเพราะละความตระหนี่ เสียสละ ความอยากออกจากตัว แล้วเราจะสอนเขา ก็อาจหาว่า เป็นเทวทัตเอาได้ เพราะขัดตลอด เคยเจอด่า


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 25 พ.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สัตว์โลกก็สะสมอุปนิสัย สะสมมาแตกต่างกันไป ซึ่ง ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ซึ่ง สิ่งที่จะทำให้ผู้อื่นและตนเอง คิดถูก เกิดปัญญา ความเข้าใจจากสิ่งที่ผิด เป็นสิ่งที่ถูกก็คือ การทำให้มีปัญญา ด้วยการฟัง การศึกษาพระธรรมเป็นสำคัญ และปัญญาของใคร ก็ต้องของผู้นั้นเอง เพราะฉะนั้นถ้าเขาไม่สนใจ ไม่ศึกษาพระธรรม ก็ไม่มีใครที่จะช่วยได้ แม้แต่พระพุทธเจ้า ก็ไม่สามารถที่จะไปเปลี่ยนบุคคลนั้นได้เลย เพราะบุคคลนั้น ไม่ได้สะสมศรัทธา ไม่ได้สะสมปัญญามาครับ เพราะฉะนั้น ก็เป็นเรื่องเฉพาะตัว เพราะ พระธรรม ที่เป็นความเห็นถูก ไม่ได้สาธารณะกับทุกคน

พระธรรมที่ผู้ที่ได้ศึกษาดีแล้ว เกิดปัญญาของตนเอง ย่อมจะเปลี่ยนแปลง เพราะละ สละความไม่รู้ ความเข้าใจผิดของผู้นั้นออกไปจากจิตใจได้ แต่ถ้าไม่มีน้ำที่ใสสะอาด ที่เป็นพระธรรม ก็ไม่สามารถชำระล้างความเข้าใจ ความไม่รู้ได้เลย ครับ

ดังนั้น ก็ควรแนะนำเท่าที่ทำได้ ให้ผู้นั้น ศึกษาพระธรรม ตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง เมื่อผู้นั้น มีความเข้าใจถูก ความเข้าใจถูก จะทำให้คิดถูกว่า กุศล เจริญเพื่อละกิเลส ไม่ใช่เพื่อได้ สิ่งต่างๆ และ ชีวิต ไม่ใช่มีความสุขได้ เพราะ ความร่ำรวย แต่มีความสุขได้ด้วยปัญญา ครับ

และ ควรเข้าใจแม้แต่คำว่า บุญ คือ อะไร บุญเป็นธรรม เป็นสภาพธรรมที่มีจริงๆ อยู่ที่จิต ย่อมหมายรวมถึง โสภณเจตสิก (สภาพธรรมฝ่ายดีที่เกิดร่วมกับจิต เช่น ศรัทธา สติ หิริ โอตตัปปะ เป็นต้น) ที่เกิดร่วมด้วย ถ้าหากไม่มีจิต และไม่มีโสภณเจตสิกแล้ว บุญก็เกิดไม่ได้ จิตเกิดขึ้นเป็นกุศลขณะใด ขณะนั้นเป็นบุญ เป็นการชำระจิตจากกุศล การทำบุญ ก็ควรที่จะเป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลสของตนเองเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อความอยากติดข้องต้องการ หวังผลของบุญ

ที่ควรพิจารณา คือ การกระทำบุญ ไม่ใช่มีแต่เฉพาะทานเพียงอย่างเดียวเท่านั้น มีมากกว่าทาน รวมแล้ว ๑๐ ประการ ได้แก่

๑. ทาน การให้วัตถุสิ่งของเพื่อประโยชน์สุขแก่ผู้รับ

๒. ศีล ได้แก่ ความประพฤติทางกาย ทางวาจา ที่เป็นกุศล คือ ไม่เบียดเบียนบุคคลอื่นให้เดือดร้อน

๓. ภาวนา การอบรมจิตให้สงบ คือ สมถภาวนา ๑ และการอบรมให้เกิดปัญญาวิปัสสนาภาวนา ๑

๔. อปจายนะ การอ่อนน้อมต่อผู้ที่ควรอ่อนน้อม ก็เป็นบุญ เพราะว่าจิตใจในขณะนั้นไม่หยาบกระด้างด้วยความถือตัว

๕. เวยยาวัจจะ การสงเคราะห์แก่ผู้ที่ควรสงเคราะห์ ไม่เลือกสัตว์ บุคคล ผู้ใดที่อยู่ในสภาพที่ควรสงเคราะห์ช่วยเหลือให้ความสะดวก ให้ความสบาย ก็ควรจะสงเคราะห์แก่ผู้นั้น แม้เพียงเล็กน้อยในขณะนั้น ก็เป็นกุศลจิต เป็นบุญ

๖. ปัตติทาน การอุทิศส่วนกุศลให้บุคคลอื่นได้ร่วมอนุโมทนา ซึ่งจะเป็นเหตุให้กุศลจิตของบุคคลอื่นเกิดได้

๗. ปัตตานุโมทนา การอนุโมทนาแก่ผู้อื่นที่ได้กระทำกุศล เพราะเหตุว่าถ้าเป็นคนพาล ไม่สามารถจะอนุโมทนาได้เลย เพราะฉะนั้น ขณะใดที่ได้ทราบการกระทำบุญกุศลของบุคคลอื่น ก็ควรเป็นผู้ที่มีจิตยินดี ชื่นชม อนุโมทนาในกุศลกรรมของบุคคลอื่นที่ตนได้ทราบนั้น ไม่ใช่เป็นผู้ที่ตระหนี่แม้แต่จะชื่นชมยินดีในบุญกุศลของบุคคลอื่น

๘. ธัมมเทศนา การแสดงธรรมแก่ผู้ต้องการฟัง ไม่ว่าเป็นญาติมิตรสหาย หรือบุคคลใดก็ตามซึ่งสามารถจะอนุเคราะห์ให้เขาได้เข้าใจเหตุผลในพระธรรมวินัย ก็ควรที่จะได้แสดงธรรมแก่บุคคลนั้น

๙. ธัมมัสสวนะ การฟังธรรมเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกในสภาพธรรมตรงตามความเป็นจริง ก็เป็นบุญ

๑๐. ทิฏฐุชุกัมม์ การกระทำความเห็นให้ตรงตามสภาพธรรมและเหตุผลของสภาพธรรมนั้นๆ ธรรมใดที่เป็นกุศล ก็ให้เข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริงว่า เป็นกุศลจริงๆ ธรรมใดที่เป็นกุศล ก็ให้พิจารณากระทำความเห็นให้ตรงตามสภาพธรรมจริงๆ ว่า สภาพธรรมนั้นเป็นกุศล ไม่ปะปนกุศลธรรมกับกุศลธรรม

ดังนั้น สำคัญที่ให้มีความเข้าใจถูกในพระธรรม ตามแต่ที่จะพอเกื้อกูลได้ ผู้ใดสะสมปัญญา ความเข้าใจมา ยอ่มจะเข้าใจถูกว่า กุศล เพื่อละ ไม่ใช่เพื่อได้ ส่วนผู้ที่ไม่ได้สะสมความเข้าใจมา ก็เป็นไปตามกำลังของความไม่รู้ เป็นธรรมดา ไม่สามารถบังคับใครได้ ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ไทย
วันที่ 25 พ.ย. 2556

เอาเฉพาะทำทานครับ เพราะก่อนจะทำเจ้าภาพมักสอนจะได้นั่นได้นี่ เห็นแล้วเพลียใจ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 25 พ.ย. 2556

เรียนความเห็นที่ 2 ครับ

ตามที่กล่าวแล้วครับว่า ไม่สามารถบังคับใครได้ แล้วแต่ว่าใครจะสะสม อุปนิสัยที่จะเข้าใจความจริง ก็จะเชื่อด้วยการให้พระธรรมที่ถูกต้อง ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 25 พ.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การมีโอกาสได้ฟังได้ศึกษาพระธรรม เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกโดยตลอด และที่สำคัญ พระธรรมคำสอนทั้งหมด เป็นไปเพื่อละ ไม่ใช่เพื่อติดข้องต้องการ บุญ เป็นสภาพธรรมที่ดีงาม เป็นเครื่องชำระล้างจิตให้สะอาด ขณะใดที่กุศลจิตเกิดขึ้น เป็นไปในทานบ้าง เป็นไปในศีลบ้าง เป็นไปในการอบรมเจริญปัญญา ขณะนั้นเป็นบุญ ไม่ใช่ตัวตนสัตว์บุคคล เป็นสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย เพราะบุญคือ กุศลจิต และเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย เป็นธรรมที่มีจริง

ถ้าได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก เห็นโทษของอกุศล เห็นคุณของกุศธรรม เข้าใจอย่างถูกต้องว่า อกุศล เป็นสภาพธรรมที่ไม่ดี เกิดขึ้นเมื่อใด ก็ไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์เมื่อนั้น ในทางตรงกันข้าม กุศลธรรม เป็นธรรมที่ดีงาม เป็นสภาพธรรมที่ตัดหรือทำลายอกุศล ควรสะสม ก็จะมีความเพียร มีความอดทน มีฉันทะ ไม่ทอดทิ้งในการเจริญกุศลประการต่างๆ ต่อไป เพราะเข้าใจอย่างถูกต้องว่า กุศลธรรม เป็นสภาพธรรมที่ดีงาม เป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลส ถ้ากุศลจิตไม่เกิดแล้ว ก็จะเป็นโอกาสให้อกุศลจิตเกิดขึ้น เป็นความตั้งใจ มีความจริงใจที่จะเจริญกุศล เห็นประโยชน์ของกุศล แม้แต่ในการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมเป็นปกติในชีวิตประจำวัน ก็เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกเท่านั้น ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น ครับ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
j.jim
วันที่ 26 พ.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
tanrat
วันที่ 28 พ.ย. 2556

การเข้าใจถูก หรือปัญญาเป็นเรื่องส่วนตัวจริงๆ ภาษาบาลีว่า เป็นปัจจัตตัง

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
nopwong
วันที่ 30 พ.ย. 2556

ขออนุโมทนา

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ