การเห็นและรูปารมณ์มีความสัมพันธ์กันอย่างไรครับ

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การเห็น เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ที่เป็น จิต คือ จักขุวิญญาณจิต ซึ่ง เมื่อเป็นจิตแล้ว จิตเป็นสภาพธรรมที่รู้อารมณ์ คือ จะต้องมีสิ่งที่จิตรู้ เพราะฉะนั้น จิตเห็นก็ต้องมีสิ่งที่ถูกเห็น เป็นอารมณ์ของจิตเห็นด้วย คือ สี สิ่งที่ปรากฎทางตา หรือ ที่เรียกว่า รูปารมณ์

เพราะฉะนั้น ความสัมพันธ์ของ จิตเห็น กับ รูปารมณ์ คือ จิตเห็น มี รูปารมณ์ให้รู้ หรือเป็นอารมณ์ จิตเห็นไม่รู้เสียง ไม่รู้กลิ่น ไม่รู้รส ไม่รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส แต่ รู้ สี ที่เป็นรูปารมณ์ ครับ ไม่ว่า จิตเห็นจะเกิดที่ไหน เมื่อไหร่ กับใคร ก็ต้องรู้สี รูปารมณ์เท่านั้น เพราะฉะนั้น ความสัมพันธ์ของสภาพธรรมทั้งสอง จึงเป็นสภาพธรรมที่อาศัยซึ่งกันและกัน จึงเกิดขึ้นได้ ครับ ขออนุโมทนา

ขออนุญาตยกคำบรรยาย เรื่องเห็นที่ได้ฟังล่าสุด จาก ราชบุรี วันที่ 26 พ.ย. 56 ดังนี้

ท่านอ.สุจินต์ เราทั้งนั้น ทุกวันก็เป็นเราทั้งนั้น แต่ฟังธรรมเพื่อเข้าใจธรรม ค่ะ เห็นเป็นสิ่งที่จริง เป็นเราหรือเปล่า ดังนั้นฟังเพื่อเข้าใจ ไม่ว่าที่ไหน ที่อินเดีย เราคิดว่าเห็นที่อินเดีย แต่ความจริงนะคะ เห็นเป็นเห็น ไม่มีสถานที่ใดเป็นพิเศษ บนสวรรค์มีเห็นไหม คะ เมืองไทยมีเห็นไหม คะ แต่ ไม่รู้จักเห็น เพราะ เราไม่รู้ ก็ควรเข้าใจความจริงว่าเห็นแล้ว บังคับได้ไหม ที่จะชอบ ไม่ชอบ เห็น บังคับได้ไหม จึงไม่มีใครไปดลบันดาลให้เกิดขึ้น การเข้าใจความจริงที่ บังคับบัญชาไม่ได้ ถูกหรือผิด เกิดแล้วดับ บังคับได้ไหม เดี๋ยวนี้เอง บังคับได้ไหม เพราฉะนั้น ไม่ให้เราไปเปลี่ยนแปลง แต่เข้าใจความจริงทีเกิดขึ้น ค่ะ

ขออนุโมทนา

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เห็นเป็นสภาพธรรมที่มีจริงๆ เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย เห็นมีจริงๆ จะบอกว่าเห็นไม่มีจริงไม่ได้ เพราะมีเห็นจริงๆ ในขณะนี้ และเมื่อเห็นเกิดขึ้น ก็ต้องมีสิ่งที่ถูกเห็น สิ่งนั้นก็มีจริง คือ สี หรือ รูปารมณ์ นั่นเอง เพราะจิตเกิดขึ้นต้องรู้อารมณ์ตามควรแก่จิตประเภทนั้นๆ อารมณ์ของจิตเห็นก็คือรูปารมณ์ ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

เห็นเป็นนามธรรม สีเป็นรูปธรรม ถ้าไม่มีนามธรรม คือ เห็น หรือ สี ขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็เห็นไม่ได้ เช่น คนตาบอด มองไม่เห็น ค่ะ

กราบอนุโมทนาครับ

ขออนุโมทนาครับ