เสียงในป่ากับเสียงที่นี้

 
papon
วันที่  1 ธ.ค. 2556
หมายเลข  24110
อ่าน  889

เรียน อาจารย์ทั้งสองท่าน

เสียงในป่ากับเสียงที่มีในขณะนี้ท่านอาจารย์หมายถึงอย่างไรครับเกี่ยวข้องกับอายตนะหรือไม่อย่างไรครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 1 ธ.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สัททรูป คือ รูปเสียง หมายถึง สิ่งที่สามารถปรากฏได้ทางหู ซึ่งมีลักษณะที่ดัง และกระทบกับโสตปสาท จะเป็นความดังค่อย ดังแรง ดังแหลม ดังทุ้มอย่างไร ก็เป็นเพียงความดังที่ปรากฏได้ทางหูในขณะปัจจุบันเท่านั้น เป็นสภาพที่ไม่รู้อารมณ์อย่างหนึ่ง ฉะนั้นความหมายที่รู้จากเสียงนั้นจึงไม่ใช่เสียง แต่เป็นบัญญัติซึ่งจิตทางมโนทวารคิดตามหลังจากที่จิตได้ยินเสียงทางหูดับไปแล้ว

สัททรูป คือ เสียง จะดังที่ไหน ในป่า ในเขา หรือในที่ห่างไกลอย่างไรก็ยังคงเป็นสัททรูป แต่ถ้ามีจิตได้ยินเสียง หรือจิตที่รู้เสียงเกิดขึ้น จึงรู้เสียงนั้นได้ ซึ่งเสียงที่เกิดจาก อุตุ เช่น วัตถุ กระทบกัน ทำให้เกิดเสียง แต่ ถ้าเสียงที่เกิดจากจิต ก็เช่นการเปล่งวาจา เพื่อสื่อความหมาย ครับ

เสียงที่อยู่ในป่า ความหมาย คือ เสียงเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย แม้ไม่ได้ยิน ก็มีเสียงเกิดขึ้น จะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม เช่น เสียงที่เกิดขึ้น เสียงที่ดังในป่า ก็มีเสียงเกิดขึ้น แม้จะรู้หรือไม่รู้ อะไรรู้ จิตรู้ ถ้าแม้ จิตได้ยินไม่เกิดขึ้น เสียงในป่าก็มีอยู่ เพราะฉะนั้น เสียงในป่ามี แม้จะไม่รู้ ดังนั้น เสียงในป่า จึงมุงหมายถึง เสียงที่ไม่ได้เป็นอารมณ์ของจิตนั่นเอง แต่จะเป็นอายตนะ เกี่ยวข้องกับอายตนะหรือมนั้น สำคัญที่ จะต้องเข้าใจ คำว่าอายตนะก่อน ครับ

ก่อนอื่นก็จะต้องเข้าใจก่อนครับว่า อายตนะ ซึ่งคำว่า อายตนะ หมายถึง ที่ต่อ,บ่อเกิด, ที่ประชุม, เหตุ อายตนะภายใน 6 และ อายตนะภายนอก 6 มีดังนี้

อายตนะภายใน ๖ อายตนะภายนอก ๖

๑. จักขวายตนะ (จักขปสาทรูป)

๒. รูปายตนะ (รูปสี)

๓. โสตายตนะ (โสตปสาทรูป)

๔. สัททายตนะ (รูปเสียง)

๕. ฆานายตนะ (ฆานปสาทรูป)

๖. คันธายนะ (รูปกลิ่น)

๗. ชิวหายตนะ (ชิวหาปสาทรูป)

๘. รสายตนะ (รูปรส)

๙. กายายตนะ (กายปสาทรูป)

๑๐. โผฏฐัพพายตนะ (ดิน ไฟ ลม)

๑๑. มนายตนะ (จิต ๘๙)

๑๒. ธัมมายตนะ (สุขุมรูป ๑๖ เจตสิก ๕๒ นิพพาน)

ซึ่งการจะเป็นอายตนะนั้น จะต้องมีการประชุมรวมกันของสภาพธรรม จึงเกิดสภาพธรรมนั้นได้ เพราะฉะนั้น เสียงในป่า ไม่เป็นอายตนะ เพราะ ไม่เป็นที่ประชุมให้เกิดโสตวิญญาณ คือ จิตได้ยิน เสียงในป่า จึงเป็นเพียงเสียงทีเกิดจาก อุตุเป็นปัจจัยโดยไม่มีการเกิดขึ้นของจิตได้ยินเลย เพราะฉะนั้น จะเป็นอายตนะ เมื่อมีการประชุมกันของสภาพธรรมใดๆ แล้วเกิดสภาพธรรมนั้นเกิดขึ้น คือ มีกาประชุมกันของสภาพธรรมที่เป็นโสตปสาทรูป และ เสียง ทำให้เกิดจิตได้ยิน จึงเรียกเสียงนั้นว่า เป็นอายตนะ ที่เป็น สัททายนตะ เป็นต้น ครับ

เชิญอ่านคำบรรยายในเรือ่งนี้จากท่านอาจารย์ สุจินต์ ครับ

คำว่า “อารัมมณะ” อีกคำหนึ่งในภาษาบาลี ซึ่งภาษาไทยใช้คำว่า “อารมณ์” ไม่เหมือนกับความหมายที่เราเข้าใจ เพราะว่าคนไทยเรา เอาภาษาบาลีมาใช้ แต่ใช้ไม่ตรงกับความหมายในพระพุทธศาสนา เวลาที่เราบอกว่า วันนี้อารมณ์ดี เพราะว่าเห็นดี ได้ยินดี ได้กลิ่นดี ลิ้มรสดี รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสดี คิดนึกเรื่องราวดีๆ ก็บอกว่า อารมณ์ดี แต่คำว่า “อารัมมณะ” ต้องคู่กับคำว่า “จิต” เพราะว่า จิตเป็นสภาพรู้หรือธาตุรู้ เมื่อเกิดขึ้นต้องรู้ ไม่รู้ไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น เมื่อจิตเป็นสภาพรู้ ก็ต้องมีสิ่งที่ถูกจิตรู้ หรือว่าจิตกำลังรู้สิ่งใด สิ่งนั้นเป็น “อารมณ์” เสียงในป่า เสียงนอกศาลา เสียงใดๆ ก็เกิดขึ้นได้ เมื่อมีการกระทบกันของของแข็ง แต่เสียงที่ไม่ปรากฏ ไม่ใช่ “อารัมมณะ” หรือ อารมณ์ เพราะว่า ขณะนั้นไม่มีจิตที่รู้อารมณ์หรือเสียงนั้น เสียงนั้นเกิดแล้วก็ดับไปๆ แต่ขณะใดก็ตาม เสียงปรากฏ หมายความว่า เสียงปรากฏกับสภาพรู้ ที่กำลังได้ยินเสียง ขณะนี้มีจิตขณะหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นได้ยินเสียง

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
papon
วันที่ 1 ธ.ค. 2556

เรียน อาจารย์ทั้งสองท่าน

เมื่อเป็นเรื่องราวขึ้น หมายถึงการประชุมกันของสัททายตนะ โสตายตนะ มนายตนะ และธรรมายตนะ ใช่หรือไม่ อย่างไรครับ

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 1 ธ.ค. 2556

เรียน ความเห้นที่ 2 ครับ

ถูกต้องครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
papon
วันที่ 1 ธ.ค. 2556

เรียน อาจารย์ทั้งสองท่าน

เสียงเกิดจากวัตถุกระทบกันเป็นสมุฏฐานอุตุอย่างไรครับ

ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
paderm
วันที่ 1 ธ.ค. 2556

เรียนความเห็นที่ 4 ครับ

เช่น เกิดจาอากาศ เป็นต้น หรือ เิกดจากการกระทบกันของ วัตถุนั้นทำให้เกิด เสียง ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Wisaka
วันที่ 1 ธ.ค. 2556

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
khampan.a
วันที่ 1 ธ.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เสียง มีจริงๆ เป็นธรรม เป็นรูปธรรม ไม่ใช่สภาพรู้ ไม่ใช่ธาตุรู้ เสียงมีมากมาย แต่เสียงใดก็ตามที่จิตรู้ คือ เป็นอารมณ์ของจิต เสียงนั้น เท่านั้นที่เป็นสัททารมณ์ ไม่ใช่เสียงอื่น เพราะตามความเป็นจริงแล้ว ที่เรียกว่าเป็นอายตนะ ก็คือ กล่าวถึงสภาพธรรมที่มีจริงๆ ที่ประชุมกันในขณะที่จิตเกิดขึ้นรู้อารมณ์ทีละขณะ เช่น ในขณะที่ได้ยินเสียง มีสภาพธรรมใดประชุมกันในขณะนั้นบ้าง ได้แก่ มีเสียง ซึ่งยังไม่ดับ (สัททารมณ์ ซึ่งเป็นสัททายตนะ) มีจิตได้ยินเสียง (โสตวิญญาณ ซึ่งเป็นมนายตนะ) มีที่เกิดของจิตได้ยิน (โสตปสาทะ ซึ่งเป็นโสตายตนะ) มีเจตสิกธรรมที่เกิดร่วมกับจิตได้ยิน (ธัมมายตนะ) แสดงถึงสิ่งที่มีจริงๆ ทั้งหมด ครับ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
wannee.s
วันที่ 1 ธ.ค. 2556

เสียงในป่า มี แต่ ยังไม่ไ้ดยิน แต่ เสียงก็มีอยู่ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
tanrat
วันที่ 2 ธ.ค. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
mon-pat
วันที่ 2 ธ.ค. 2556

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
chatchai.k
วันที่ 8 เม.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ