ในสมัยพุทธกาลมีท่านใดที่ฟังพระอภิธรรมแล้วบรรลุธรรมบ้างคะ

 
thilda
วันที่  1 ธ.ค. 2556
หมายเลข  24111
อ่าน  1,581

รบกวนเรียนสอบถามท่านอาจารย์วิทยากรค่ะ ไม่ทราบในพระไตรปิฎกได้กล่าวถึง พระภิกษุหรือฆราวาสท่านใดที่ฟังพระอภิธรรม แล้วบรรลุธรรมบ้างมั้ยคะ

ขอบพระคุณมากค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 2 ธ.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สัตว์โลกมากไปด้วยกิเลส และสะสมอุปนิสัยและอัธยาศัยมาแตกต่างกันไปครับ ดังนั้น พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง จึงมีถึง 3 ปิฎก หรือ แปดหมื่นสี่พันธรรมชันธ์ ไม่ใช่เฉพาะพระอภิธรรม เพราะสัตว์โลกหลากหลายอัธยาศย สะสมมาไม่เหมือนกัน ผู้ใดฟังพระวินัยได้บรรลุธรรม พระองค์แสดงพระวินัยนั้น ผู้ใดฟังพระสูตรและได้บรรลุธรรม หรือเกิดความเข้าใจพระองค์แสดงพระสูตรเรื่องนั้น กับบุคคลนั้น ผู้ใด ฟังพระอภิธรรมเข้าใจได้บรรลุธรรม พระองค์แสดงพระอภิธรรมหมวดนั้นครับ และแม้พระวินัย ก้ยังแบ่งเป็นอีกมากมาย หลายหมวดข้อธรรม ก็เพราะสัตว์โลกมีมากมาย อัธยาศัย การสะสมต่างกัน ผู้ใดฟังเรื่องอะไรเข้าใจ ก็ทรงแสดงเรื่องนั้นครับ สำหรับพระสูตรก็มีมากมาย หลายพระสูตรเพราะสัตว์โลกแต่ละท่านก็สะสมมาต่างๆ กัน สูตรใดสามารถเข้าใจได้ พระองค์แสดงสูตรนั้น และแม้พระอภิธรรม ก็มีมากมาย ผู้ใดเข้าใจเรื่องใดได้ พระองค์แสดงพระอภิธรรมหมวดนั้น ดังนั้น เหตุที่ไม่แสดงพระอภิธรรมอย่างเดียว เพราะเหตุ 2 ประการ

1. ความหลากหลายของสัตว์โลกที่สะสมมาไม่เหมือนกัน ทำให้การจะเข้าใจธรรม ก็หลากหลายไปด้วย เพราะบางบุคคลฟังพระวินัย บรรลุ บางบุคคล ฟังพระสูตรบรรลุ บางบุคคลฟังพระอภิธรรม เข้าใจแล้วบรรลุครับ

2. เหตุผลอีกประการหนึ่ง คือ แสดงถึง การละกิเลส เนื่องด้วยกิเลสมีหลายระดับ พระองค์แสดงพระวินัยด้วย เพื่อให้เห็นประโยชน์ ของการละกิเลสขั้นหยาบ ที่แสดงออกมาทางกาย วาจา ที่เนื่องด้วยศีล พระองค์จึงทรงแสดงพระวินัยปิฎกด้วย แต่กิเลส ไม่ใช่มีเพียงทางกาย วาจาที่ล่วงออกมาครับ แม้ไม่ล่วงออกมาทางกาย และวาจา กิเลสที่เกิดขึ้นในใจ ที่กลุ่มรุ้มจิตใจ เช่น โกรธในใจ ไม่ได้แสดงออกมาพระองค์ทรงแสดงพระสูตร เพื่อระงับกิเลส เหล่านี้ แต่กิเลสก็มีความลึกมากกว่านั้นคือ กิเลสที่แม้ไม่ปรากฎให้รู้ แต่มีอยู่คือ อนุสัยกิเลสที่จะละด้วยปัญญาเท่านั้น พระองค์ทรงแสดง อภิธรรมที่เป็นปัญญา เพื่อละกิเลสครับ แต่ไม่ว่าพระองค์แสดงเรื่องอะไร ทุกคำ ใน 3 ปิฎก คำแต่ละคำ ล้วนแล้วแต่เป็นปัญญาคือ มาจากพระปัญญาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า และสัตว์โลกได้เข้าใจเรื่องอะไรก็สามารถเกิดปัญญา ตรัสรู้ได้ครับซึ่ง ข้อความในพระไตรปิฎก ไม่ได้แสดงโดยตรงว่า ใคร ที่เป็นมนุษย์ บรรลุด้วยอภิธรรม แต่ เทวดา และ พระมารดาของพระพุทธเจ้า บนสวรรค์ บรรลุธรรมด้วยการฟังอภิธรรม ครับ

[เล่มที่ 42] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้าที่ 314

พระศาสดาเสด็จไปโปรดพระมารดาชั้นดาวดึงส์

ลำดับนั้น พระศาสดาประทับนั่งในท่ามกลางเทวบริษัท ทรงปรารภพระมารดาเริ่มตั้งอภิธรรมปิฎกว่า "กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา อพฺยากตา ธมฺมา" ดังนี้ เป็นต้น ทรงแสดงอภิธรรมปิฎกโดยนัยนี้ เรื่อยไปตลอด ๓ เดือน

พระศาสดาทรงทำภัตกิจแล้ว ตรัสแก่พระเถระว่า "สารีบุตร วันนี้เราภาษิตธรรมชื่อเท่านี้ เธอจงบอกแก่ (ภิกษุ ๕๐๐) นิสิตของตน" ได้ทราบว่า กุลบุตร ๕๐๐ เลื่อมใสยมกปาฏิหาริย์ บวชแล้วในสำนักของพระเถระ พระศาสดาตรัสแล้วอย่างนั้น ทรงหมายเอาภิกษุเหล่านั้น ก็แลครั้นตรัสแล้ว เสด็จไปสู่เทวโลก ทรงแสดงธรรมเอง ต่อจากที่พระพุทธนิรมิตแสดง. แม้พระเถระก็ไปแสดงธรรมแก่ภิกษุเหล่านั้น ภิกษุเหล่านั้น เมื่อพระศาสดาเสด็จอยู่ในเทวโลกนั้นแล ได้เป็นผู้ชำนาญในปกรณ์ ๗ แล้ว ในกาลจบเทศนา ธรรมาภิสมัยได้มีแก่เทวดา ๘ หมื่นโกฏิ แม้พระมหามายาก็ตั้งอยู่แล้วในโสดาปัตติผล

พระอภิธรรม เป็นการยกธรรมล้วนๆ ขึ้นแสดง ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีตัวตน เป็นธรรมที่ละเอียดยิ่ง ซึ่งเมื่อได้ศึกษาพระอภิธรรมเข้าใจแล้วก็ทำให้ศึกษาพระวินัย พระสูตรเข้าใจได้ด้วย เพิ่มพูนความมั่นคงในความเป็นจริงของสภาพธรรมมากยิ่งขึ้น พระอภิธรรมยาก แต่สามารถเข้าใจได้เมื่อได้เริ่มฟัง เริ่มศึกษา สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ด้วยความละเอียดรอบคอบเท่านั้น ที่จะเป็นไปเพื่อขัดเกลาละคลายกิเลสในชีวิตประจำวัน สำคัญอยู่ที่ความเข้าใจถูก เห็นถูกตั้งแต่ต้นว่า สิ่งที่มีจริง เป็นธรรม ไม่ว่าจะแสดงโดยพระวินัย พระสูตรและพระอภิธรรม ก็เพื่อเข้าใจธรรม ตามความเป็นจริงนั่นเอง พระธรรมทุกคำ มีค่ามาก เพราะเป็นพระปัญญาตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครับ

หากเข้าใจว่าอภิธรรม คือ อะไร คือ สภาพธรรมที่มีจริง ที่เรียกชื่อว่า ขันธ์ ธาตุ อายตนะ อริยสัจสี่ เมื่อเป็นเช่นนี้ พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงก็ไม่พ้นจากอภิธรรม และ การจะตรัสรู้ธรรมก็ไม่พ้นจากอภิธรรม ครับ เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้า จึงแสดงเทศนาเป็นสองโวหาร คือ สมมติเทศนา และ ปรมัตเทศนา ใครฟังแบบไหนบรรลุ พระองค์ก็ทรงแสดงดังนั้น อันเป็นการแสดงว่า ฟังพระอภิธรรมก็บรรลุธรรมได้ เพราะ เป็นการแสดงความจริงของสภาพธรรมนั่นเอง ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 2 ธ.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ไม่ว่าจะได้ยินได้ฟังพระธรรมในส่วนใดของพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ก็ไม่พ้นไปจากเพื่อให้เข้าใจสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในขณะนี้ซึ่งก็คือ อภิธรรมนั้นเอง เพราะถ้าไม่ได้ศึกษา ก็อาจจะเข้าใจผิดว่า ธรรม แยกจากอภิธรรม ก็ได้ แต่แท้ที่จริงแล้ว ไม่ได้แยกกัน ธรรมเป็นสิ่งที่มีจริง ละเอียดลึงซึ้งโดยความเป็นธรรมที่ไม่ใช่สัตว์ไม่ใช่บุคคลไม่ใช่ตัวตน ปฏิเสธความเป็นสัตว์บุคคลอย่างสิ้นเชิง จึงเป็นอภิธรรม และ ธรรมซึ่งเป็นสิ่งมีจริง ละเอียดลึกซึ้ง นี้ใครๆ เปลี่ยนแปลงให้เป็นอย่างอื่นไม่ได้ เป็นจริงอย่างไร ก็เป็นจริงอย่างนั้น เช่น โกรธ เป็นโกรธ เปลี่ยนโกรธซึ่งเกิดแล้วให้เป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่โกรธ ก็ไม่ได้ เป็นต้น จึงเป็นปรมัตถธรรม

เพราะฉะนั้นแล้ว ประโยชน์จริงๆ คือ ความเข้าใจถูกเห้นถูก ไม่ว่าจะฟังในส่วนใดก็ตาม พระอริยบุคคลทั้งหลายในอดีต ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่ได้ฟังความจริง และเข้าใจถึงความละเอียดลึกซึ้งของธรรมที่เป็นอภิธรรม มาแล้วทั้งนั้น จึงทำให้ท่านได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมดับกิเลสตามลำดับขั้นได้ ครับ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 2 ธ.ค. 2556

ถ้าสะสมปัญญา มา ฟังพระอภิธรรม ก็สามารถบรรลุธรรมได้ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
thilda
วันที่ 2 ธ.ค. 2556

ขอบพระคุณอาจารย์เผดิม อาจารย์คำปั่น และอาจารย์วรรณีอย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
papon
วันที่ 2 ธ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
nopwong
วันที่ 3 ธ.ค. 2556

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
thilda
วันที่ 3 ธ.ค. 2556

ท่านอาจารย์คะ รบกวนสอบถามเพิ่มเติม พระอภิธรรมที่อยู่ในพระไตรปิฎกทุกวันนี้ก็เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสแก่พระสารีบุตร และท่านพระสารีบุตรก็มาแสดงต่อกับพระภิกษุท่านอื่นๆ สืบทอดกันมาหลายๆ รุ่น จนกระทั่งมีการสังคายนาและรวบรวมไว้ใช่มั้ยคะ ขอบพระคุณมากค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
paderm
วันที่ 3 ธ.ค. 2556

ถูกต้อง ครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
สัมภเวสี
วันที่ 4 ธ.ค. 2556

ขออนุญาตเพิ่มเติมครับ ตามที่คุณ thilda ได้ถามมานั้น ปรากฏนามของพระภิกษุที่ได้บรรลุพระอรหัตเพราะเหตุแห่งการศึกษาพระอภิธรรม นามว่า "ท่านพระมหานาคติมิยติสสทัตตเถระ" ครับ ซึ่งสามารถศึกษาได้โดยตรงจากคัมภีร์อัฏฐสาลินี อรรถกถาพระธัมมสังคณีปกรณ์ ว่าด้วยการเปรียบความลึกซึ้งของพระอภิธรรมดั่งสาคร พระไตรปิฏกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ 75 หน้าที่ 29-32 ซึ่งขอคัดข้อความมาดังนี้ครับ

ปีติและโสมนัสอันไม่มีที่สุด ย่อมเกิดแม้แก่ภิกษุผู้เรียนพระอภิธรรม ผู้พิจารณาอยู่ซึ่งตันติแห่งพระอภิธรรมว่า พระศาสดาของเราทั้งหลาย เมื่อทรงจำแนกแม้ความแตกต่างแห่งขันธ์ แม้ความแตกต่างแห่งอายตนะ แม้ความแตกต่างแห่งธาตุ ความแตกต่างแห่งอินทรีย์ พละ โพชฌงค์ กรรม วิบาก การกำหนดรูปและอรูป ธรรมอันละเอียดสุขุม ทรงกระทำแต่ละข้อในรูปธรรมและอรูปธรรมให้เป็นส่วนๆ แสดงไว้ เหมือนการนับดาวทั้งหลายในท้องฟ้า ฉะนั้น. ก็ในการเกิดขึ้นแห่งปีติโสมนัสนั้น พึงทราบแม้เรื่องดังต่อไปนี้

ดังได้สดับมา พระเถระชื่อว่า มหานาคติมิยติสสทัตตะ เมื่อไปสู่ฝั่งโน้น ด้วยคิดว่า เราจักไหว้ต้นมหาโพธิ์ จึงนั่งที่พื้นเบื้องบนเรือแลดูมหาสมุทร. ทีนั้น ในครั้งนั้น ฝั่งโน้นไม่ปรากฏแก่ท่านเลย ฝั่งนี้ก็ไม่ปรากฏ เป็นเช่นกับแผ่นเงินอันเขาแผ่ออก และเช่นกับเครื่องลาดทำด้วยดอกมะลิ ฉะนั้น. ท่านคิดว่า กำลังคลื่นของมหาสมุทรมีกำลังหรือหนอ หรือว่า นยมุข (เนื้อความที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแนะนำไว้) ในสมันตปัฏฐาน ๒๔ ประเภทมีกำลัง ดังนี้. ทีนั้น ปีติมีกำลังก็เกิดขึ้นแก่ท่านผู้พิจารณาธรรมอันละเอียดสุขุมว่า การกำหนดในมหาสมุทรย่อมปรากฏ เพราะว่า มหาสมุทรนี้ เบื้องล่างกำหนดด้วยแผ่นดิน เบื้องบนกำหนดด้วยอากาศ ข้างหนึ่งกำหนดด้วยภูเขาจักรวาล ข้างหนึ่งกำหนดด้วยฝั่ง แต่การกำหนดสมันตปัฏฐานย่อมไม่ปรากฏ ดังนี้. ท่านข่มปีติ แล้วเจริญวิปัสสนาตามที่นั่งอยู่ ยังกิเลสทั้งปวงให้สิ้นไป แล้วตั้งอยู่ในพระอรหัตซึ่งเป็นธรรมอันเลิศ แล้วเปล่งอุทานว่า

"อตฺเถว คมฺภีรคตํ สุทุพฺพุธํสยํ อภิญฺญาย สเหตุสมฺภวํ ยถานุปุพฺพํ นิขิเลน เทสิตํ มเหสินา รูปคตํว ปสฺสตีติฯ"

คำแปล : พระโยคีย่อมเห็นธรรมที่ลึกซึ้ง อันตรัสรู้ได้แสนยาก มีเหตุเป็นแดนเกิดขึ้น อันพระมเหสีทรงรู้ยิ่งโดยพระองค์เอง แสดงไว้โดยลำดับ โดยสิ้นเชิง ในสมันตปัฏฐานนี้เท่านั้น เหมือนกับเป็นรูปร่างทีเดียว

โดยสรุป จากข้อความที่ปรากฏในคัมภีร์อัฏฐสาลินี แม้การระลึกถึงความลึกซึ้งของพระอภิธรรมที่ได้ศึกษามา ยังเป็นเหตุแห่งการบรรลุพระอรหัตได้ เปรียบได้ดั่งบุคคลผู้มีทรัพย์อันเลิศ ย่อมสามารถนำมาใช้ได้ตามความปรารถนาเมื่อตนระลึกถึงทรัพย์นั้น จะกล่าวไปไยถึงการได้ฟังพระอภิธรรมที่ถ่ายทอดโดยพระสุรเสียงอันประกอบด้วยองค์ 8 ประการ ไพเราะยิ่งกว่าเสียงของนกการเวก เฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุโมทนาทุกท่านที่ตั้งใจศึกษาพระอภิธรรมด้วยความเคารพเทิดทูนยิ่งครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
thilda
วันที่ 30 ธ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
chatchai.k
วันที่ 8 เม.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
ทรงศักดิ์
วันที่ 17 ธ.ค. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ