ความทุกข์กับการปล่อยวาง

 
fouron
วันที่  4 ธ.ค. 2556
หมายเลข  24126
อ่าน  1,091

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ด้วยเหตุที่กระผมต้องเขียนกระทู้สนทนาในเรื่องนี้นั้น คือ กระผมมีปัญหาหนึ่งซึ่งมันไม่ใช่ความผิดของกระผมเลย แล้วก็มีกลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่งเข้ามา "โทษ" และโยนความผิดนั้นมาให้กระผมเอง ซึ่ง การโยนความผิดนั้นเป็นการใช้ กำลังกับกระผมเอง กล่าวดังนั้นแล้ว กระผมควรที่จะ "ปล่อยวาง" กับเรื่องนี้ หรือ "ตอบโต้กลับไป" ตามความเป็นจริงของสาเหตุแห่งปัญหานี้ดีครับ

fouron


  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 5 ธ.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ตามความเป็นจริงแล้ว ชีวิตของคนเรา ย่อมมีทั้งได้รับผลที่น่าปรารถนาน่าพอใจบ้าง และได้รับผลที่ไม่น่าพึงพอใจบ้าง ย่อมมีทั้งประกอบกุศลกรรม และกุศลกรรม ซึ่งจะเป็นปัจจัยแก่ภพชาติต่อๆ ไปเป็นปัจจัยที่จะทำให้เกิดผลในภายหน้า ถ้าเข้าใจในเรื่องของวิบากอันเป็นผลของกรรมของตนเองมากขึ้นแล้ว ก็จะทำให้มีความอดทนต่อกุศลวิบาก (ผลของกุศล) ที่เกิดขึ้นในชีวิตได้ดีขึ้น จะไม่กล่าวโทษผู้อื่นว่า ทำให้ได้รับกุศลวิบาก เพราะเหตุที่แท้จริงที่ทำให้กุศลวิบากเกิดขึ้นนั้นก็คือ กุศลกรรม นั่นเอง และขณะที่ได้รับสิ่งที่น่าปรารถนา น่าใคร่น่าพอใจ ก็เป็นผลของกรรมอีกเหมือนกัน แต่เป็นผลของกุศลกรรม และนอกจากนั้น ขณะที่ได้รับผลของกุศลกรรม ก็จะต้องมีความอดทนด้วย ที่จะไม่หวั่นไหวไปด้วยอำนาจของกุศล กล่าวคือ ความหลงระเริง ความเพลิดเพลิน ความมัวเมา

ทุกขณะของชีวิตที่ดำเนินไปในแต่ละวันนั้น ไม่พ้นไปจากจิตเลยแม้แต่ขณะเดียว ถ้าหากว่าเป็นผู้รู้สภาพลักษณะของจิตประเภทต่างๆ ที่เกิดขึ้นในขณะต่างๆ กันแล้ว เมื่อวิบากจิตเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกุศลวิบาก หรือกุศลวิบาก ก็ตาม ก็จะหวั่นไหวน้อยลง

นี่เป็นพระมหากรุณาของพระผู้มีพระภาคเจ้า ที่ทรงแสดงพระสัทธรรมต่อสัตว์โลก จึงทำให้สัตว์โลกได้เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง เข้าใจชีวิตมากขึ้นว่า สัตว์โลกกระทำทั้งกุศลกรรมและอกุศลกรรม จึงต้องประสบสุข และทุกข์เป็นธรรมดา

จะเห็นได้ว่า ความประพฤติเป็นไปของผู้ที่เป็นบัณฑิตในครั้งก่อน แม้จะได้รับการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ถูกใส่ร้ายว่าเป็นโจร ตลอดจนถึงถูกลงโทษด้วย ท่านก็ไม่โกรธในผู้กระทำอย่างนั้นและผู้ที่สั่งให้กระทำอย่างนั้น เป็นผู้ที่มีความอดทน แต่เราๆ แล้ว ยากที่จะเป็นอย่างนั้นได้ แต่ความเข้าใจพระธรรมเท่านั้น ที่จะคอยกล่อมเกลาจิตใจให้มั่นคง เข้มแข็งขึ้น เพราะความจริง เป็นความจริง ใครจะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม ความจริง ก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ชีวิตจะต้องดำเนินต่อไป ในที่สุดแล้วก็จะต้องละจากโลกนี้ไปด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่ดีที่สุดแล้ว คือ ฟังพระธรรมให้เข้าใจ และ สะสมความดีต่อไป นี้แหละคือที่พึ่งที่แท้จริง ใครๆ ก็ทำให้ไม่ได้ นอกจากสะสมอบรมเจริญด้วยตนเองครับ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 5 ธ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เซจาน้อย
วันที่ 7 ธ.ค. 2556

"เพราะต้องเป็นเรา"

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
fouron
วันที่ 8 ธ.ค. 2556

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 26 ก.พ. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ