ถวายสังฆทานที่สารนาถ
อินเดีย 11 พ.ย. 2556 ถวายสังฆทานที่สารนาถ และ จัดงานเลี้ยงสังสรรค์
ทำบุญถวายสังฆทาน ที่ สารนาถ เมืองพาราณสี
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ - หน้าที่ 667-668
บุคคลผู้ยังใจให้เลื่อมใส ให้ทานด้วยโภคทรัพย์ทั้งหลายที่ได้มาโดยชอบธรรม ย่อมเป็นผู้ยึดถือชัยชนะไว้ได้ในโลกทั้งสองของผู้มีศรัทธาอยู่ครองเรือนคือ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลในปัจจุบัน และเพื่อความสุขในสัมปรายภพ การบริจาคของคฤหัสถ์ดังกล่าวมานั้นย่อมเจริญบุญ พระเจ้าปเสนทิโกศลประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้ทูล พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ทาน บุคคลควรให้ในที่ไหนหนอ
พ. ดูก่อนมหาบพิตร ควรให้ในที่ที่จิตเลื่อมใส
ป. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ และทานที่ให้แล้วในที่ไหนจึงมีผลมาก
พ. ดูก่อนมหาบพิตร ทานควรให้ในที่ไหนนั่นเป็นข้อหนึ่ง และทานที่ให้แล้วในที่ไหนจึงมีผลมาก นั่นเป็นอีกข้อหนึ่ง ดูก่อนมหาบพิตร ทานที่ให้แล้วแก่ผู้มีศีลแลมีผลมาก ทานที่ให้แล้วในผู้ทุศีลหามีผลมากไม่ ...
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ - หน้าที่ 85
๗. โภชนทานสูตรว่าด้วยทายกผู้ให้โภชนะชื่อว่าให้ฐานะ ๕ อย่างแก่ปฏิคาหก
[๓๗] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ทายกผู้ให้โภชนะเป็นทาน ชื่อว่าให้ฐานะ๕ อย่างแก่ปฏิคาหก ๕ อย่างเป็นไฉน คือ ให้อายุ ๑ ให้วรรณะ ๑ ให้สุข ๑ให้กำลัง ๑ ให้ปฏิภาณ ๑ ครั้นให้อายุแล้วย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งอายุทั้งที่เป็นทิพย์ ทั้งที่เป็นมนุษย์ ครั้นให้วรรณะแล้ว ย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งวรรณะทั้งที่เป็นทิพย์ ทั้งที่เป็นมนุษย์ ครั้นให้สุขแล้ว ย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งสุขทั้งที่เป็นทิพย์ทั้งที่เป็นมนุษย์ ครั้นให้กำลังแล้ว ย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งกำลังทั้งที่เป็นทิพย์ทั้งที่เป็นมนุษย์ ครั้นให้ปฏิภาณแล้ว ย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งปฏิภาณทั้งที่เป็นทิพย์ทั้งที่เป็นมนุษย์ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ทายกผู้ให้โภชนะเป็นทานชื่อว่าให้ฐานะ ๕ อย่างนี้แล.
๕. ทานานิสังสสูตร
ว่าด้วยอานิสงส์การให้ทาน ๕ ประการ
[๓๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์แห่งการให้ทาน ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน คือ ผู้ให้ทานย่อมเป็นที่รักที่ชอบใจของชนหมู่มาก ๑ สัปบุรุษผู้สงบย่อมคบหาผู้ให้ทาน ๑ กิตติศัพท์อันงามของผู้ให้ทานย่อนขจรทั่วไป ๑ ผู้ให้ทานย่อมไม่ห่างเหินจากธรรมของคฤหัสถ์ ๑ ผู้ให้ทานเมื่อตายไปแล้วย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ๑
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์แห่งการให้ทาน ๕ ประการนี้แล.
บ่าย วันที่ 11 พ.ย. 2556
เดินทางมาที่ธัมเมขสถูป เดินประทักษิณ และ ไปที่สมาคมมหาโพธิ สารนาถ ถวายโคมประทีป
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้าที่ 694
ทีปทายกเถราปทานที่ ๔ (๒๖๔)
ว่าด้วยผลแห่งการถวายประทีป
[๒๖๖] ในกาลนั้น เราเป็นเทพบุตร ลงมาสู่แผ่นดิน มีใจ เลื่อมใส ได้ถวายประทีป ๕ ดวง ด้วยมือทั้งสองของตน ในกัปที่ ๙๔ แต่กัปนี้ เราได้ถวายประทีปใด ในกาลนั้ ด้วยการถวายประทีปนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่ง การถวายประทีป ในกัปที่ ๕๕ แต่กัปนี้ เราได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระองค์ หนึ่ง เป็นใหญ่ในแผ่นดิน มีนามว่าสมันตจักษุ มีพละมาก คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และ อภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้
ค่ำวันที่ 11 พ.ย. 2556 ที่โรงแรมรามาดา ทางชมรมบ้านธัมมะ จัดงานสังสรรค์กัน เพราะ เป็นวันที่ อีก 2 กลุ่ม จะเดินทางกลับกรุงเทพ ในวันพรุ่งนี้ และ กลุ่มท่านอาจารย์สุจินต์ จะเดินทางไปถ้ำอาจันต้ากันต่อ มาชมภาพบรรยากาศ แห่งความรัก สามัคคี ดังนี้
ผู้ที่ฟังพระธรรมแล้วก็น้อมประพฤติปฏิบัติตาม เพื่อที่จะขัดเกลากิเลสเพื่อไปสู่ทางเดียวกัน คือรู้แจ้งอริยสัจจธรรรม นั่นคือผู้ที่เป็น น้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพราะว่ามีจุดประสงค์อันเดียวกันนะคะ คือเพื่อประพฤติปฏิบัติตาม เพื่อไปสู่การดับกิเลส
พลตรี ดร.วีระ กล่าวความเป็นมาของการสร้างที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และ รายละเอียดในการเดินทางมาครั้งนี้
ฟังธรรมแล้วสามัคคีกันหรือไม่ ขณะที่ไม่สบายใจ ขุ่นเคืองไม่พอใจ ขณะนั้นความคิดเห็น การกระทำไม่พร้อมกัน ไม่สามัคคีกัน ไม่ช่วยกันทำ มีทุกข์ ไม่ใช่สุข แต่ขณะที่ฟังธรรมแล้ว ผู้ที่ศึกษาธรรม ฟังธรรม น้อมประพฤติเพื่อเข้าใจถูกเห็นถูก เพื่อจุดประสงค์เดียวกัน คือ เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง คือ ความเป็น น้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพราะเป็นผู้มีจิตเสมอกันด้วยสัมมาทิฏฐิ มีความเพียรเผากิเลสความไม่รู้ด้วยความเข้าใจ แต่สุขโสมนัส ก็เกิดตามเหตุปัจจัย ไม่ใช่ว่าฟังธรรมแล้วจะเกิดสุขโสมนัสเสมอไป เฉพาะผู้ที่มีสุขโสมนัสเกิดเท่านั้นที่รู้ได้ด้วยตนเอง
ทัฬหธัมมชาดก
ส่วนผู้ใด ที่คนอื่นทำความดีให้แล้วสำเร็จประโยชน์ที่ต้องการแล้วยังรู้คุณประโยชน์ทั้งหลายที่เขาปรารถนา ของผู้นั้นจะเพิ่มพูนขึ้น.เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าขอบอกท่านทั้งหลาย ขอความเจริญจงมีแก่ท่านทั้งหลาย มีจำนวนที่มาประชุมกัน ณ ที่นี่ ขอท่านทุกคน จงเป็นผู้รู้คุณที่ผู้อื่นทำแล้วแก่ตน ท่านทั้งหลายจะสถิตอยู่ในสวรรค์ ตลอดกาลนาน.
ตัวแทนรถแต่ละคัน บรรยายความรู้สึก
อ.พีระพล เล่าเรื่องขำขัน ให้ผู้ฟังได้ขำกันจนน้ำตาไหล
สหายธรรม ร้องเพลงให้ผู้ฟัง มีความสุข ร้องตามกัน
คุณ พิศิษฐ เล่าความในใจ ที่ซาบซึ้ง ที่มีต่อ ท่านอาจารย์สุจินต์
สหายธรรมแต่ละท่าน แสดงความรู้สึก และแสดงความสามารถส่วนตัว มีการ้องเพลง เป็นต้น
ขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนา ที่ให้ได้เห็นภาพบรรยากาศอบอุ่น
และ ธรรม ที่เตือนใจดีมากครับ
"...ฟังธรรมแล้วสามัคคีกันหรือไม่? ขณะที่ไม่สบายใจ ขุ่นเคืองไม่พอใจ ขณะนั้น ความคิดเห็น การกระทำไม่พร้อมกัน ไม่สามัคคีกัน ไม่ช่วยกันทำ
มีทุกข์ ไม่ใช่สุข
แต่ขณะที่ฟังธรรมแล้ว ผู้ที่ศึกษาธรรม ฟังธรรม น้อมประพฤติ เพื่อเข้าใจถูกเห็นถูก เพื่อจุดประสงค์เดียวกัน คือ เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง คือ ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพราะเป็นผู้มีจิตเสมอกัน ด้วยสัมมาทิฏฐิ มีความเพียรเผากิเลส ความไม่รู้ ด้วยความเข้าใจ แต่สุขโสมนัส ก็เกิดตามเหตุปัจจัย ไม่ใช่ว่าฟังธรรม แล้วจะเกิดสุขโสมนัสเสมอไป เฉพาะผู้ที่มีสุขโสมนัสเกิดเท่านั้น ที่รู้ได้ด้วยตนเอง..."
สาธุ