ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๒๒

 
khampan.a
วันที่  22 ธ.ค. 2556
หมายเลข  24216
อ่าน  1,858

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรม จากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ครั้งที่ ๑๒๒

[1] มารดาบิดาทั้งหลายเป็นผู้กระทำกิจอบรมสั่งสอนบุตรธิดา ส่วนการที่บุตรธิดา จะตอบแทนท่านโดยการที่ให้ท่านผู้มีศรัทธายังไม่ตั้งมั่นให้ตั้งมั่น ให้เป็นผู้ถึง พร้อมด้วยศีล ถึงพร้อมด้วยจาคะ ถึงพร้อมด้วยปัญญา ก็คงต้องอาศัยกุศลจิต แล้วก็มีความอดทน มีความพากเพียรที่จะกระทำด้วยจิตที่อ่อนน้อม เคารพ เป็นกุศลจริงๆ

[2] พระรัตนตรัยทุกคนก็เข้าใจดีแล้ว ได้แก่ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ ซึ่งถ้าไม่มีพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าอนุเคราะห์สัตว์โลกแล้ว ก็จะไม่มีผู้ใดที่จะรู้หนทางที่จะประพฤติปฏิบัติดำเนินไปสู่การดับทุกข์ได้

[3] การไม่เคารพในธรรม คือ ผู้ที่สามารถจะไปฟังธรรมได้ แต่ไม่ไปสู่ที่ฟังธรรม มีจิตฟุ้งซ่าน พึงทราบว่าผู้นั้นไม่มีความเคารพในพระธรรม ถ้าเคารพจริง มีจิต ไม่ฟุ้งซ่านในขณะที่ฟังธรรม คือ ฟังธรรมด้วยความเคารพ

[4] ชีวิตประจำวันในวันหนึ่งๆ ก็มีจิตใจที่เป็นกุศลบ้าง อกุศลบ้าง เช่นในขณะที่ จิตอ่อนโยน มีความนอบน้อมต่อผู้ที่ควรนอบน้อม ในขณะนั้นเป็นกุศล เป็นต้น

[5] สังขารธรรมทั้งหลายมีปัจจัยเกิดขึ้นแล้วดับไป ถ้าไม่มีปัจจัยแล้ว เกิดไม่ได้แน่นอน

[6] สังขารธรรม ได้แก่ จิต เจตสิก รูป หรือโดยย่อก็คือ นามธรรมและรูปธรรม จิต เจตสิก เกิดร่วมกันเป็นสภาพที่รู้อารมณ์ น้อมไปสู่อารมณ์ จึงเป็นนามธรรม ส่วนรูปไม่ใช่สภาพรู้

[7] เมื่อกิเลสยังมี ที่ทุกคนคิดว่ายังมีตัวตน มีสัตว์ มีบุคคลอยู่เป็นตัวท่านทุกวันๆ นี้ ก็คือการเกิดขึ้นของสังขารธรรม เพราะมีเหตุมีปัจจัยจึงได้เกิดขึ้น

[8] สำหรับผู้ที่ยังมีกิเลส เป็นปัจจัยที่จะให้เกิดต่อไปทันที จุติจิตเกิดแล้วดับไป [หมายความถึง ความตายที่เป็นสมมติมรณะนั้น] ปฏิสนธิจิตเกิดต่อทันที เพราะเหตุ ว่ามีปัจจัยให้เกิดขึ้น แต่ละขณะสืบต่อกัน ฉันใด เวลาที่จุติจิตของชาตินี้ดับไปแล้ว กิเลสซึ่งเป็นปัจจัย ซึ่งมีอยู่ ก็เป็นปัจจัยให้ปฏิสนธิจิตเกิดสืบต่อจากจุติจิตโดยไม่มี ระหว่างคั่น

[9] วิญญาณ เกิดดับอยู่ทุกขณะในชีวิตประจำวัน ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ เป็นสภาพรู้อารมณ์ เพราะฉะนั้น เมื่อยังไม่ได้ศึกษา ก็จะทำให้ ท่านเข้าใจผิดทำให้เข้าใจคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง

[10] เรื่องของอกุศลธรรมเป็นสิ่งที่มีมาก และถ้าไม่ทราบจริงๆ ว่า ตัวท่านมีอกุศลมาก เพียงใด การที่จะละกิเลสย่อมเป็นสิ่งซึ่งเป็นไปไม่ได้ แล้วในวันหนึ่งๆ ก็มีอกุศลธรรมหลายประการ ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่า ท่านเป็นผู้ที่ยังมีอกุศลธรรม ที่จะต้องละคลาย ขัดเกลาจนกว่าจะดับสิ้นเป็นสมุจเฉท (ถอนขึ้นได้อย่างเด็ดขาด)

[11] จะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะเป็นในพระวินัยปิฎกก็ดี พระสุตตันตปิฎกก็ดี พระอภิธรรมปิฎกก็ดี พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมวินัยเพื่อที่จะให้บุคคลที่ยังมีกิเลส ยังมีอกุศลธรรมอย่างมากมายได้พิจารณาให้ทราบว่า ตัวท่านยังเป็นผู้ที่ยังมีกิเลส อีกมากมายเหลือเกินที่จะต้องขัดเกลา

[12] โลภะเป็นโลภะ โทสะเป็นโทสะ โมหะเป็นโมหะ

[13] โมหะหรืออวิชชา ความไม่รู้ ลึกมาก เป็นรากเหง้าทำให้สังสารวัฏฏ์เป็นไป

[14] ทางหลงมีเยอะมาก ทั้งโลภะ ความติดข้องต้องการ และ ความเห็นผิด

[15] โกรธใครแล้วไม่ลืม โกรธแล้ว โกรธอีก นี้แหละ คือ พยาปาทนิวรณ์ มีจริงๆ

[16] ถ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ทรงแสดงเรื่องของอกุศลธรรมทั้งหลาย เราจะรู้ ได้อย่างไรว่า มีอกุศลมากมายแค่ไหนและจะต้องสะสมปัญญามากจริงๆ จนกว่า จะสามารถดับได้

[17] เรื่องของโลภะ โทสะ โมหะ ทั้งหมดที่ได้ยินได้ฟัง คือ ขณะนี้ ไม่พ้นเลยจาก อกุศลเหล่านั้น ตั้งแต่เช้ามาแล้ว

[18] เพิ่มขึ้นทุกวันๆ ทั้งโลภะ โทสะ โมหะ ซึ่งเราจะต้องมีความเข้าใจให้ถูกต้องว่า อกุศลธรรม เป็นธรรม ไม่ใช่เรา

[19] ที่มีการฟังพระธรรม แสดงให้เห็นว่ามีกุศลเกิดขึ้นเป็นไปมีศรัทธาที่จะฟัง โดยที่ไม่ไปทำอย่างอื่น

[20] ความไม่รู้มีมาก พระโพธิสัตว์จึงทรงบำเพ็ญพระบารมีคุณความดีประการต่างๆ เพื่อที่จะให้เบาบางจากอกุศลจนสามารถรู้สิ่งที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริงได้

[21] ความไม่รู้ สะสมมามากและนานแสนนาน การที่จะรู้จนสามารถละความไม่รู้ ได้จนหมดสิ้นจะนานมากสักแค่ไหน แต่ก็เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ เมื่อมีการฟัง พระธรรม สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก

[22] จากไม่มีสิ่งที่ติดข้องต้องการ แล้วก็มีขึ้น ติดข้องในสิ่งนั้น และแล้วสิ่งที่ติด ข้องนั้น ก็จากไป หมดไป เหมือนไม่เคยมี แต่โลภะความติดข้องต้องการสะสม สืบต่อไป ขาดทุน ในขณะที่อกุศลเกิด

[23] พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง อุปการะเกื้อกูลให้ได้เข้าใจถูกเห็นถูก ในสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง

[24] หนทางละความไม่รู้ ความเห็นผิด และ ความติดข้อง คือ ฟังพระธรรม ฟังแล้วฟังอีกๆ

[25] พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดง ยาก ต้องอาศัยกาล เวลาที่ยาวนานมากทีเดียว แม้เพียงการฟังให้เข้าใจ

[26] ที่พึ่งในชาตินี้ที่เกิดมาแล้วต้องตาย คือ ฟังพระธรรมแล้วมีความเข้าใจ ถูกเห็นถู

[27] ถ้าไม่ฟังพระธรรมแล้วจะเอาปัญญามาจากไหน?

[28] เป็นบุญแค่ไหนแล้วที่ได้ฟังพระธรรม และเป็นบุญแค่ไหนแล้ว ที่ได้เข้าใจ เพราะเป็นสิ่งที่ยากมากที่จะได้ฟังพระธรรม เป็นเรื่องของการสะสมเหตุที่ดีของ ผู้นั้นจริงๆ มีศรัทธาเห็นประโยชน์ของการได้เข้าใจความจริง และเป็นการยาก มากที่จะเข้าใจถูกเห็นถูกตามความเป็นจริง

[29] ฟังพระธรรมต่อไปเพื่อจะได้เข้าใจขึ้น

ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ร่วมแบ่งปันธรรมด้วยครับ

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๒๑

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 22 ธ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
Jans
วันที่ 22 ธ.ค. 2556

"จากไม่มีสิ่งที่ติดข้องต้องการ แล้วก็มีขึ้น ติดข้องในสิ่งนั้น และแล้วสิ่งที่ติด ข้องนั้น ก็จากไป หมดไป เหมือนไม่เคยมี แต่โลภะความติดข้องต้องการสะสม สืบต่อไป ขาดทุน ในขณะที่อกุศลเกิด"

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 22 ธ.ค. 2556

ขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 22 ธ.ค. 2556

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
papon
วันที่ 22 ธ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
bsomsuda
วันที่ 22 ธ.ค. 2556

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
rrebs10576
วันที่ 23 ธ.ค. 2556

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
j.jim
วันที่ 23 ธ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
jaturong
วันที่ 23 ธ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
Pailinsri
วันที่ 25 ธ.ค. 2556

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ที่ทำให้ได้ฟังพระธรรมและเข้าใจในธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ามากขึ้น และขออนุโมทนากับอ.คำปั่นที่ได้บันทึกธรรมบรรยายและนำมาแบ่งปัน ทำให้สามารถอ่านทบทวนได้ง่ายขึ้นมากค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
phawinee
วันที่ 25 ธ.ค. 2556

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่ง

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
peem
วันที่ 25 ธ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
kinder
วันที่ 25 ธ.ค. 2556
ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
nong
วันที่ 27 ธ.ค. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 5 ม.ค. 2557

ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
chatchai.k
วันที่ 7 พ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ