ปฏิบัติอย่างไร

 
papon
วันที่  30 ธ.ค. 2556
หมายเลข  24266
อ่าน  2,109

เรียน อาจารย์ทั้งสองท่าน

ตามที่กระผมได้ฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์ๆ บรรยายบ่อยๆ ว่า ถ้าเข้าใจธรรมให้ประพฤติปฏิบัติ กระผมยังเข้าใจไม่ชัดอย่างเช่น คนที่มักโกรธ และพยาบาทก็จะพิจารณาว่า นั่นเป็นสภาพธรรม กระผมก็มีคิดว่า การมักโกรธ และพยาบาท เป็นการสะสมสภาพธรรมเหล่านั้นมานาน ความเข้าใจความจริงว่าขณะที่มีอารมณ์ที่ไม่น่าพอใจมากระทบ มีแต่เพียงรูปธรรมนามธรรมเท่านั้น ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เรา แต่บางครั้งการจดจำบางประโยค ที่ท่านอาจารย์พูดไว้ว่า สิ่งนั้นเกิดแล้วดับแล้ว บางครั้งก็ได้สติยั้งคิดอย่างนั้น กว่าปัญญาจะเจริญจนระลึกได้ว่า นั่นคือ เพียงสิ่งที่ปรากฏและเป็นสภาพธรรมไม่ใช่เรา ก็ต้องรอการปรุงแต่งด้วยสังขารขันธ์อีกนาน และการประพฤติปฏิบัติอย่างที่ท่านอาจารย์บรรยาย ต้องทำอย่างไรครับ ขอความกระจ่างด้วยครับ

ขออนุโมทนาครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 30 ธ.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ทุกอย่างตามที่ผู้ถามกล่าวมา ก็คือ การทำหน้าที่ของสภาพธรรมที่เกิดขึ้น ตามเหตุปัจจัยที่ค่อยๆ สะสม มาทีละเล็กละน้อย อันเกิดจากปัญญาที่ค่อยๆ เจริญขึ้น ซึ่งต้องไม่ลืมธรรมข้อหนึ่งที่ สัว์โลกมักจะลืมเสมอ คือ เป็นธรรมไม่ใช่เรา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา เมื่อลืมคำนี้ ย่อมทำให้ มีความคิดว่า จะทำอย่างไร หลงลืมด้วยอำนาจโลภะ ติดข้องที่อยากจะทำให้เข้าใจ อยากจะทำให้สติเกิด อยากจะทำให้มีปัญญาโดยไม่รู้ตัว หลงลืมไปว่าไม่มีเรา ไม่มีวิธีที่จะทำอย่างไร เพราะ ต้องไม่ลืมว่าเป็นหน้าที่ของธรรม ไม่ใชเราเลย ครับ

เพราะฉะนั้น หนทางที่ถูกต้อง และ คงต้องย้ำกันบ่อยๆ ก็คือ ไม่ใช่จะทำ คิดอย่างไร แต่หนทางเดียว คือ ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมต่อไป ปัญญาจะค่อยๆ เกิดทำหน้าที่ปรุงแต่งไป และก็จะปรับไป ปรับความคิดถูกเอง ทีละเล็กละน้อย ตามปัญญาที่เจริญขึ้นอันมีการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม เท่านั้นครับ เมื่อไหร่ที่จะทำ เมื่อนั้นผิดเสมอ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 30 ธ.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น แต่ธรรมเกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัย ไม่มีใครทำอะไรให้เกิดขึ้นได้ มีแต่ความเป็นไปของสภาพธรรมที่มีจริงเท่านั้นเอง

การฟังพระธรรมให้เข้าใจในสิ่งที่กำลังฟังบ่อยๆ เนืองๆ ธรรมฝ่ายดีมีสติ ปัญญา เป็นต้น ปรุงแต่งน้อมไป ให้เข้าใจในสิ่งที่กำลังปรากฏ สะสมปัญญาไปตามลำดับเท่านั้น มีความอดทน จริงใจที่จะฟังที่จะศึกษาพระธรรมต่อไป เพราะสะสมความไม่รู้มามาก จึงขาดการฟังพระธรรมไม่ได้เลยทีเดียว ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 30 ธ.ค. 2556

ปัญญาทำไม่ได้ แต่สะสมปัญญาไม่ได้ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
thilda
วันที่ 30 ธ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
papon
วันที่ 30 ธ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
chatchai.k
วันที่ 6 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ