สิ้นปีเก่า สู่ปีใหม่ ใหม่เสมอ

 
sutta
วันที่  31 ธ.ค. 2556
หมายเลข  24268
อ่าน  2,419

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เวลาโดยสมมติ ก็ก้าวเข้าสู่ปีใหม่ ปี 2557 อีกครั้ง หากแต่ว่า เวลา จะมีได้ ก็เพราะ อาศัยสภาพธรรมที่มีจริง คือ จิต เจตสิก ที่เกิดขึ้นและดับไป วัน เดือน ปี เวลาต่างๆ ก็เพราะ อาศัยการเกิดขึ้นของ จิต เจตสิก ที่ดับไปแต่ละขณะ เพราะฉะนั้น ปีใหม่ ก็คือ จิต เจตสิกที่เกิดขึ้น ใหม่ตลอดดเวลา ของแต่ละบุคคล แต่ละขณะ จึงกล่าวได้ว่า แต่ละขณะจิตที่ดับไป ก็เป็นปีเก่า และ ขณะจิตที่เกิดขึ้นใหม่ก็เป็นปีใหม่ เพราะฉะนั้น ชีวิต คือ จิต ใหม่เสมอ แต่ ที่น่าพิจารณาว่า จิตดวงใหม่ ไม่ใช่มีจิตประเภทเดียว มีจิต ๘๙ ประเภท และ การได้เกิดเป็นมนุษย์ เป็นปฏิสนธิจิต ที่เป็นผลของกุศลวิบาก และ ได้มีโอกาสพบพระพุทธศาสนา และ ฟังธรรม ศึกษาพระธรรม นับเป็นลาภอันประเสริฐที่สุดของชีวิต ปีใหม่ ต่อไป คือ ขณะจิตต่อไป ไม่มีใครรู้ได้เลยว่า จะเกิดจิตประเภทอะไร ซึ่ง อาจจะเกิด จุติจิต คือ จิตที่เคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้ อันเรียกสมมติว่า ตาย พรากจากความเป็นมนุษย์ ที่เป็น ภพภูมิที่ประเสริฐ ที่สามารถเจริญกุศล อบรมปัญญาได้ และ สัมปรายภพ คือ ภพหน้าก็แน่นอน เพราะการเกิดเป็นมนุษย์เป็นของยาก ดังนั้น เมื่อ ชีวิตล่วงเลยผ่าน ปีใหม่ไปแต่ละปี แต่ละจิต แต่ละขณะ สิ่งที่ควรพิจารณา เพื่อเป็นประโยชน์ดังนี้

- ปีใหม่ จิตใหม่ เป็นจิตอะไร โดยมาก อกุศล หรือ กุศล

- ปีใหม่ เป็นเรา เป็นเวลาที่ใหม่ หรือ เป็นเพียงสภาพธรรมที่เกิดขึ้น

- ปีใหม่ เริ่มต้นใหม่ที่ฟัง ศึกษาพระธรรม เพิ่มขึ้น

- ปีใหม่ ให้พรตัวเอง ด้วยการทำดี และ ศึกษาพระธรรม เพราะ พร คือ สิ่งที่นำ มาซึ่งสิ่งที่ดี คือ การทำกุศล

- ปีใหม่ เข้าใจสภาพธรรมที่เกิดขึ้นใหม่ในขณะนี้ ว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา

- ปีใหม่ พิจารณาว่า ชีวิตกำลังเข้าไปสู่จิตใหม่ คือ จุติจิต คือ ความตายไปทุกขณะ

- ปีใหม่ สิ่งที่เป็นมงคลกับชีวิต คือ ความดีที่เกิดขึ้นในจิตใจ นั่นเป็นมงคลแล้ว

- ปีใหม่ ทุกคนก็ปรารถนาความสุขกับตนเอง แต่ ชีวิตจะมีสุขได้ ก็ด้วยความเข้าใจ พระธรรมที่ค่อยๆ เจริญขึ้น เมื่อความเข้าใจเจริญขึ้นก็จะเป็นเหตุให้กุศลธรรมประการ ต่างๆ เจริญขึ้น ความทุกข์ ความเดือดร้อนที่เกิดจากอกุศล ก็จะค่อยๆ ลดน้อยลง

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๓ - หน้าที่ ๑๘๐

ท่านทั้งหลายจงกระทำตามพระพุทธพจน์ คือ จงกระทำตามพระดำรัสของพระผู้มี พระภาคพุทธเจ้า ซึ่งตรัสไว้โดยนัยเป็นต้นว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงเพ่ง (พินิจ) อย่าเป็นผู้ประมาท คือ จงยังข้อปฏิบัติให้ถึงพร้อมตามที่ทรงพร่ำสอน.

บทว่า ขโณ โว มา อุปจฺจคา ความว่า จริงอยู่ บุคคลใด ไม่กระทำตามพระพุทธพจน์ ขณะแม้ทั้งหมดนี้ คือ ขณะที่พระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้น ๑ ขณะที่ได้เกิดขึ้นในปฏิรูปเทสะ (ประเทศอันสมควร) ๑ ขณะที่ได้สัมมาทิฏฐิ ๑ ขณะที่มีอวัยวะทั้ง ๖ไม่บกพร่อง ย่อมล่วงเลยบุคคลนั้น ขณะ อันนั้น อย่าได้ล่วงเลยท่านทั้งหลายไปเสีย.

บทว่า ขณาตีตา ความว่า ก็บุคคลใดล่วงเลยขณะนั้นไปเสีย หรือว่าขณะอันนั้นล่วงเลยบุคคลใดไปเสีย บุคคลเหล่านั้นก็จะยัดเยียดกันอยู่ในนรก คือ บังเกิดในนรกนั้นเศร้าโศกอยู่สิ้นกาลนาน


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
papon
วันที่ 31 ธ.ค. 2556

ขออนุโมทนาครับอาจารย์

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
mon-pat
วันที่ 31 ธ.ค. 2556

กราบอนุโมทนาครับอาจารย์ผเดิม

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 31 ธ.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความที่ว่า "วันคืน ล่วงไปๆ บัดนี้เราทำอะไรอยู่" เป็นคำเตือนที่ดีเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เห็นประโยชน์ของการศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรมอบรมเจริญปัญญา เพื่อการขัด เกลากิเลสของตนเอง ซึ่งจะเตือนให้ไม่ลืมกิจที่ควรทำสำหรับตนเองที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ว่า อะไรคือสิ่งที่ควรทำ แม้จะมากไปด้วยกิเลส แต่ก็ไม่ทอดธุระ ในการที่จะฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม เจริญกุศลประการต่างๆ เพื่อขัดเกลากิเลสของตนเอง ต่อไป ถ้าเป็นผู้ที่ไม่เห็นประโยชน์ของการศึกษาพระธรรมแล้ว กล่าวได้ว่า วันหนึ่งๆ ที่ผ่านไป ย่อมเต็มไปด้วยความติดข้องยินดีพอใจ เต็มไปด้วยความโกรธ ความผูกโกรธ เต็มไปด้วยอวิชชา ซึ่งเป็นความหลง ความไม่รู้ (รวมทั้งอกุศลธรรม ประการอื่นๆ ด้วย) และไม่รู้จักหนทางที่จะนำไปสู่ความเป็นผู้เบาบางจากอกุศลธรรมเหล่านั้นได้ นับวันอกุศลธรรมมีแต่จะหนาแน่นพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ อกุศลธรรมให้ผลเป็นทุกข์ นำมาซึ่งความเดือดร้อนทั้งในโลกนี้และในโลกหน้า ไม่เป็นประโยชน์แก่ใครๆ เลย ควรหรือไม่ที่จะเป็นผู้อยู่ด้วยความประมาทประกอบแต่อกุศลกรรม โดยที่ไม่ได้ อบรมเจริญคุณงามความดีเลย

ในแต่ละวันจึงควรที่จะเป็นโอกาสของการเจริญกุศล สะสมความดี ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา สะสมความเข้าใจธรรม ซึ่งจะเป็นที่พึ่งใน ภายหน้าสำหรับตนเองอย่างแท้จริง โดยที่ไม่มีตัวตนที่จะทำ แต่เป็นกิจหน้าที่ของ ธรรมฝ่ายดีที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ของตนๆ โดยเริ่มจากความเข้าใจที่ถูกต้องนั่นเองครับ

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ

จากปีเก่าสู่ปีใหม่ - เครื่องระลึกความเข้าใจและการน้อมประพฤติปฏิบัติ

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่งครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 31 ธ.ค. 2556

สวัสดีปีใหม่ เริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการฟังธรรมให้เข้าใจ มีความเห็นถูก และ เจริญกุศล ทุกๆ ประการ ที่มีโอกาส ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
rrebs10576
วันที่ 1 ม.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ^^สวัสดีปีใหม่ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
siraya
วันที่ 1 ม.ค. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

สวัสดีปีใหม่ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 1 ม.ค. 2557

สิ่งที่ประเสริฐที่สุดในปีใหม่และวันต่อๆ ไป คือ การได้ฟังพระธรรม

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาท่านอาจารย์วิทยากร และคณะเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ทุกๆ ท่าน ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ปวีร์
วันที่ 1 ม.ค. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

สวัสดีปีใหม่ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
peem
วันที่ 1 ม.ค. 2557

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
เมตตา
วันที่ 1 ม.ค. 2557

...ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น อ.ผเดิม และทุกๆ ท่านด้วยค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
thilda
วันที่ 1 ม.ค. 2557

กราบอนุโมทนาอาจารย์ผเดิมและอาจารย์คำปั่นค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
paew_int
วันที่ 2 ม.ค. 2557

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 2 ม.ค. 2557

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
khundong
วันที่ 2 ม.ค. 2557

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
ladawal
วันที่ 3 ม.ค. 2557

ขอกราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์และท่านวิทยากรทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
kinder
วันที่ 3 ม.ค. 2557
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
fouron
วันที่ 6 ม.ค. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
chatchai.k
วันที่ 6 ธ.ค. 2563

กราบบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ