อบรมการสืบต่อของสภาพธรรมะ

 
papon
วันที่  3 ม.ค. 2557
หมายเลข  24282
อ่าน  859

เรียนอาจารย์ทั้งสองท่าน

ท่านอาจารย์บรรยาย "อบรมการสืบต่อของสภาพธรรมะ" ขอความกรุณาอาจารย์ช่วยให้ความกระจ่างเพิ่มเติมในพจนานี้ด้วยครับ

ขออนุโมทนาครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 3 ม.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สภาพธรรม ที่เกิดขึ้น คือ จิต เจตสิก รูป เกิดขึ้น และ ดับไป และเป็นปัจจัยให้สภาพธรรมที่เป็น จิต เจตสิก เกิดดับ สืบต่อกันไปอีก ซึ่ง โดยมากของปุถุชน ย่อมไม่มีปัญญาที่จะรู้ความจริงของสภาพธรรมที่กำลังเกิดขึ้น และ ดับไปและเกิดขึ้นใหม่ สืบต่อกันไปทุกขณะ เพราะฉะนั้น การอบรมปัญญา เพื่อรู้ความจริง ก็รู้ความจริงของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ที่กำลังเกิดขึ้น ปรากฏ และหากไม่รู้ในสภาพธรรมใด สภาพธรรมหนึ่งก็รู้ในสภาพธรรมที่กำลังเกิดขึ้นต่อไปอีกขณะ หากปัญญาเกิด จึงเป็นความหมาย ที่ว่าอบรมการสืบต่อของสภาพธรรม คือ ปัญญาที่เกิดรู้ความจริงของสภาพธรรมในขณะต่อไป ซึ่งเมื่อไหร่สติปัฏฐานเกิด ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรม ทางใดทางหนึ่ง คือ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และ ใจ เมื่อนั้น ปัญญาก็ตามรู้ กำลังอบรม การสืบต่อของสภาพธรรม โดยรู้ว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา ที่สำคัญไม่มีตัวตนที่จะอบรม การสืบต่อ ไม่มีตัวตนที่จะไปตามรู้ แต่เมื่อใดปัญญาเกิด เมื่อนั้นปัญญาก็ทำหน้าที่รู้ความจริง ซึ่งก็จะต้องอาศัยการฟัง ศึกษาพระธรรมต่อไป ปัญญาก็จะเกิดทำหน้าที่เอง ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 3 ม.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สิ่งที่สำคัญที่สุด ต้องเริ่มที่การฟังพระธรรมให้เข้าใจ ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ซึ่งแสดงถึงสิ่งที่มีจริงทั้งหมด จากที่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าขณะนี้เป็นธรรม ก็จะค่อยๆ สะสมความเข้าใจที่ถูกต้องไปตามลำดับ มีความเข้าใจว่าธรรมไม่ต้องไปแสวงหาที่ไหน มีจริงในขณะนี้ ฟังจนกว่าจะเข้าใจจริงๆ เพราะทุกขณะไม่พ้นไปจากธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งไม่มีใครบังคับให้เกิดขึ้นเป็นไปได้ แต่เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย, เพราะมีการฟังพระธรรมบ่อยๆ เนืองๆ จึงมีเหตุที่จะทำให้มีการพิจารณา หรือระลึกถึงพระธรรมที่ได้ยินได้ฟังอย่างถูกต้องแยบคาย ซึ่งก็ไม่พ้นไปจากเรื่องของธรรมที่ได้ยินได้ฟัง ในขณะนั้นก็เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของปัญญา ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมเลย ก็คงจะไม่มีการพิจารณาไตร่ตรองพระธรรมอย่างแน่นอน

สิ่งที่มีจริงในขณะนี้ นั่นเอง ที่จะเป็นที่ตั้งให้ปัญญารู้ตามความเป็นจริง เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย จริงๆ ไม่ใช่เรื่องหวัง ไม่ใช่เรื่องต้องการ ไม่ใช่เรื่องของความจดจ้องไม่ใช่เรื่องของการไปกระทำอะไรด้วยความเป็นตัวตน ด้วยความเห็นผิด และ ด้วยความไม่รู้ แต่เป็นเรื่องของการอบรมเจริญปัญญาไปตามลำดับ ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 3 ม.ค. 2557

สามารถรู้ความจริงได้ด้วยการฟังพระธรรม และ อบรมบารมี เจริญกุศลทุกๆ ประการ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
papon
วันที่ 3 ม.ค. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
mon-pat
วันที่ 6 ม.ค. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
napachant
วันที่ 14 ม.ค. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
kullawat
วันที่ 14 ส.ค. 2558

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 24 พ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ