บทสวดสรรเสริญพระธรรมคุณ ทำนองสรภัญญะ
บทสวดสรรเสริญพระธรรมคุณ
ธรรมะคือคุณากร ส่วนชอบสาคร
ดุจดวงประทีปชัชวาล
แห่งองค์พระศาสดาจารย์ ส่องสัตว์สันดาน
สว่างกระจ่างใจมล
ธรรมใดนับโดยมรรคผล เป็นแปดพึงยล
และเก้ากับทั้งนฤพาน
สมญาโลกอุดรพิศดาร อันลึกโอฬาร
พิสุทธิ์พิเศษสุกใส
อีกธรรมต้นทางครรไล นามขนานขานไข
ปฏิบัติปฏิยัติเป็นสอง
คือทางดำเนินดุจคลอง ให้ล่วงลุปอง
ยังโลกอุดรโดยตรง
ข้าฯ ขอโอนอ่อนอุตมงค์ นบธรรมจำนง
ด้วยจิตและกายวาจาฯ
ขอรบกวนเรียนถามความหมายบางส่วนที่ขีดเส้นใต้ ค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
"ธรรมะคือคุณากร ส่วนชอบสาธร"
ที่ถูกเป็นสาธร ไม่ใช่ สาคร ครับ
"ธรรมะคือคุณากร ส่วนชอบสาธร" แปลว่า ผู้กระทำซึ่งคุณ ธรรมะมีคุณโดยส่วนเดียว
"ส่วนชอบสาธร" เป็นความดีที่มั่นคง "ดุจดวงประทีปชัชวาล" เปรียบเหมือนแสงไฟที่สว่างไสว
"สมญาโลกอุดรพิศดาร อันลึกโอฬารพิสุทธิ์พิเศษสุกใส"
ประโยคนี้กำลังอธิบายประโยคต้น ที่กล่าวถึง โลกุตตรธรรม ๙ ที่เป็น มรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ ว่าลึกซึ้งอย่างยิ่ง เปรียบเหมือนโลกอุดร คือ อุตตรกุรุทวีป ทวีปที่ห่างไกล อันลึกโอฬาร คือ ใหญ่ และ ลึก เกินหยั่งถึง ดั่งเช่น พระธรรมที่เป็นโลกุตตรธรรม ๙ เกินหยั่งถึง จากปุถุชนผู้ไม่มีปัญญา
และ ประโยคที่ว่า "อีกธรรมต้นทางครรไล นามขนานขานไข ปฏิบัติปริยัติเป็นสอง"
กล่าวถึง พระธรรมว่า อีกธรรมต้นทางครไล คือ ธรรมที่เป็นทางเดิน (ครรไล) ที่จะถึงโลกุตตรธรรม ๙ เริ่มจาก ปฏิบัติ และ ปริยัติ
ประโยคที่ว่า "ข้าขอโอนอ่อนอุตมงค์ นบธรรมจำนง ด้วยจิตและกายวาจาฯ"
ข้าพเจ้าขอนอบน้อมสูงสุด ในพระธรรม ด้วย กาย วาจาและใจ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ไพเราะ ตั้งแต่ข้อความที่ปรากฏในท่อนแรก คือ ธรรม คือ คุณากร (คุณากร แปลว่า บ่อเกิดแห่งคุณความดี) ถ้าไม่มีการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สัตว์โลกก็จะไม่ได้ยินแม้แต่คำว่าธรรมเลย และไม่มีทางที่สัตว์โลกจะมีคุณความดีจนสามารถดับกิเลสได้ แต่เพราะมีการตรัสรู้และทรงแสดงธรรม ประกาศความจริงของพระองค์ จึงทำให้สัตว์โลกได้ยินได้ฟังความจริง สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก เป็นปัญญาของตนเอง จากที่เป็นผู้มากไปด้วยกิเลสปกคลุมจิตใจที่สะสมมาอย่างเนิ่นนานสังสารวัฏฏ์ ก็จะค่อยๆ มีความเข้าใจถูกเห็นถูกเพิ่มขึ้น คุณความดีทุกอย่างก็เจริญขึ้นคล้อยตามความเข้าใจที่เจริญขึ้น จนกระทั่งสามารถดับกิเลสได้ตามลำดับขั้น สูงสุดจนถึงสามารถดับกิเลสได้จนหมดสิ้นถึงความเป็นพระอรหันต์ ห่างไกลแสนไกลจากกิเลสโดยประการทั้งปวง ทั้งหมดทั้งปวงนั้นเพราะได้อาศัยพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง
การศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้่าทรงแสดง ก็เพื่อความเข้าใจในสิ่งที่มีจริง พระธรรมมีแต่คุณประโยชน์อย่างเดียว หาโทษไม่ได้เลยในพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ตลอด ๔๕ พรรษาแห่งการประกาศคำสอนของพระองค์นั้น ล้วนเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์โลกให้มีความเข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริงโดยตลอด การเข้าใจพระธรรมไม่ได้เสียหายอะไรเลย เมื่อศึกษาพระธรรมแล้ว มีแต่ได้เท่านั้น คือ ได้สะสมปัญญา ได้เข้าใจความจริง การเข้าใจพระธรรมจึงเป็นลาภอันประเสริฐ เมื่อมีความเข้าใจพระธรรมมากขึ้น ในชีวิตประจำวันจึงมีการงดเว้นจากอกุศลกรรมมากขึ้น แล้วกระทำกุศลกรรมเพิ่มขึ้น กาย วาจา และใจ เป็นไปในทางที่ดีเพิ่มขึ้น แต่ละบุคคลสามารถเห็นคุณค่าของพระธรรม สามารถรู้ได้ด้วยตัวเองว่าหลังจากที่ได้ฟังพระธรรมแล้วเกิดประโยชน์มากน้อยแค่ไหน ซึ่งต้องเป็นปัญญาของผู้นั้นเท่านั้นที่จะรู้ตามความเป็นจริงได้ และที่น่าพิจารณาคือ ไม่ใช่เพียงแค่กล่าวบทสรรเสริญพระธรรมคุณเท่านั้น แต่ต้องมีความจริงใจที่จะศึกษาพระธรรมด้วยความเคารพอย่างยิ่ง เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...