โมหะ ๖
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ข้อความบางตอนจากการบรรยายธรรมโดยท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
จารุ ถ้าอย่างนั้น โมหะ ก็ไม่เกี่ยวข้องกับ สัญญา
ท่านอาจารย์ สัญญา เกิดกับจิตทุกดวง แต่วิธีที่จะให้รู้ว่า ช่วงไหนเป็นโมหะมากๆ อย่างคนที่ละเมอ ทำอะไรไป แล้วก็จำไม่ได้เลย แล้วระหว่างที่เขาทำนั้น เขาจะหลับตาหรือ ลืมตา ก็ไม่ทราบไม่เคยรู้ รู้แต่ว่ามีคนละเมอ อาจจะไปตักน้ำใส่ตุ่ม ไม่ใช่ โลภะ เขาไม่มี เขามีความต้องการเอื้อมไปหยิบขัน มีความต้องการจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ โมหะ ที่เกิดสลับมากจนกระทั่งระหว่างที่เป็น โลภะ ที่กำลังตักน้ำ โมหะปิดบังจนกระทั่งจำไม่ได้เลย
เพราะฉะนั้นช่วงที่ลืมนึกไม่ออก จำไม่ได้ อย่างคนที่จำตัวเองไม่ได้ จำเรื่อง จำราวไม่ได้นั่นคือลักษณะของโมหะ ไม่ใช่ว่า ขณะนั้นจะไม่มี โลภะ เสียเลย มีแต่ โมหะ ของเขา คือขณะที่เขาจำไม่ได้ จะให้เขารู้ละเอียดกว่านี้ เป็นไปไม่ได้ สำหรับผู้ที่ไม่เจริญสติปัฏฐาน
ผู้ฟัง ผู้เจริญสติปัฏฐานก็ยังรู้ไม่ถึงแค่นี้
ท่านอาจารย์ ก็แล้วแต่ เจริญไปเรื่อยๆ คุณสุรีย์คะ ที่จะเข้าใจ ลักษณะ ของ โมหะ แท้ๆ คือ ขณะที่หลงลืมสติ นั่นแหละ โมหะ ทีนี้ช่วงไหนที่ โลภะ เข้าไปบวกด้วยหรือ โทสะ เข้าไปบวกด้วย ทีนี้ถ้าไม่ได้อยู่กับ สวด โลภะ เราไม่นึกถึงอย่างอื่นได้ โทสะ เราไม่นึกถึงอย่างอื่นได้เพราะฉะนั้นขณะไหนที่หลงลืมสติ นั่นแหละ ลักษณะที่ตรงข้ามกัน สติ คือ โมหะ โมหะ เป็นพื้น
สุรีย์ ถึงอย่างไร โลภะ โทสะ ก็ยังมีมากเหลือเกิน
ท่านอาจารย์ หมายความว่า โมหมูลจิต เกิดสลับกับโลภมูลจิต และโทสมูลจิตมีตัวของเขาเดี่ยวๆ ได้ ไม่ประกอปด้วย โลภะ หรือ โทสะ ถ้าเราสามารถจะเข้าใจพื้นได้ ว่าขณะใดหลงลืมสติ ขณะนั้น โลภะ ทั้งนั้น ที่ไม่ใช่กุศลจิต แล้วแต่จะไปบวกกับ โลภะ ตอนไหน เกิดความพอใจหรือต้องการขึ้นแล้วแต่ไปบวกกับ โทสะ ตอนไหน เกิดความไม่แช่มชื่นขึ้น เท่านั้น แต่ที่จะรู้ละเอียดยี่งขึ้นไปกว่านั้น ไม่ใช่เรื่องที่จะรู้ได้ ในขั้นที่ว่าเขา โลภะ ไม่รู้ โลภะ หรือ โทสะ ไม่รู้ โลภะ
ท่านอาจารย์ ปกติเกิดแล้ว จึงรู้ว่า เมื่อกี้หลงลืม สติ นั่นแหละคือ ลักษณะ ของโมหะ
ผู้ฟัง เป็นโมหะ ดวงไหนครับ
ท่านอาจารย์ ไม่ต้องไปหาดวงไหนถ้าไปหาดวงก็ยุ่ง อย่างที่ว่าจะหาดวง หาได้โดยหยาบๆ ขั้นสติปัฏฐาน คือขณะใดที่เกิดพร้อบกับความต้องการ ขณะนั้นก็เป็น โลภะขณะใดที่ที่เกิดพร้อมกับความ ขุ่นใจ ไม่พอใจ ไม่ชอบใจ ขณะนั้นก็เป็น โทสะ ถ้าเอาทั้งสองอย่างนี้ออก คือ พื้นของ โมหะ ที่หลงลืม สติ
จารุ แล้วก็เป็นอวิชชา
สุรีย์ แต่ โมหะ ต้องมากกว่า โลภะ แน่ๆ
ท่านอาจารย์ ก็โมหะ ก็เป็นพื้น อยู่แล้ว
ผู้ฟัง อวิชชานี้ไม่รู้ วิชชา วิชชาในพระพุทธสาสนา จะเป็นวิชชา ๓ วิชชา ๘ หรือเปล่าครับ
ท่านอาจารย์ ไม่รู้สภาพธรรมตามความป็นจริง ยืนพื้นอยู่อันเดียวก็พอ แล้วค่อยไปแตกออกเป็นอะไร อีกเยอะแยะ
โมหะ คือไม่รู้สภาพธรรม ตามความเป็นจริง ไม่รู้อริยสัจจธรรม
ขอบพระคุณและอนุโมทนาคุณผู้ร่วมเดินทางและคุณคำปั่นครับ