กุศลอุทิศให้กับคนมีชีวิตได้หรือไม่อย่างไรครับ
เรียนอาจารย์ทั้งสองท่าน
กุศลอุทิศให้กับคนมีชีวิตได้หรือไม่อย่างไรครับ หรือว่ามีหนทางไหนจะให้กับบุคคลที่ผู้ยังมีชีวิตจะรับได้ทางไหนครับ ขอความอนุเคราะห์ด้วยครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง เกื้อกูลอุปการะเพื่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรมประการต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่อกุศลธรรม, กุศล ซึ่งเป็นความดีในชีวิตประจำวันสามารถเกิดขึ้นได้ ทั้งในเรื่องของทาน ศีล และการอบรมเจริญปัญญา ขึ้นอยู่กับว่า ผู้นั้นจะเห็นประโยชน์ของกุศลมากน้อยแค่ไหน การอุทิศส่วนกุศล ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย จุดประสงค์ของการอุทิศส่วนกุศล ก็เพื่อให้บุคคลอื่นได้ร่วมอนุโมทนา ซึ่งจะเป็นเหตุให้กุศลจิตของบุคคลอื่นเกิดได้ กุศลจิตที่อนุโมทนาย่อมเป็นกุศลของผู้อนุโมทนาเอง ซึ่งกุศลที่เกิดขึ้นด้วยการอนุโมทนานี้จะเป็นเหตุให้ได้รับผลที่ดี คือกุศลวิบากจิตเกิดขึ้น ไม่ใช่เราหยิบยื่นกุศลของเราให้คนอื่น แต่การที่เราทำกุศล แล้วเป็นเหตุให้คนอื่นที่รู้อนุโมทนายินดีด้วย ไม่ว่าจะเป็นตอนไหนก็ตาม ขณะใดที่เขาอนุโมทนายินดีด้วย ขณะนั้นก็เป็นกุศลของเขา ซึ่งจะต้องเป็นกุศลจิตของผู้ที่อนุโมทนาเท่านั้นจริงๆ ดังนั้น ทั้งการอุทิศส่วนกุศล และการอนุโมทนาในกุศลที่ผู้อื่นได้กระทำ ล้วนเป็นกุศลทั้งนั้น ควรที่จะอบรมเจริญให้มีขึ้นในชีวิตประจำวัน
ซึ่ง การอุทิศส่วนกุศล ใช้กับผู้ที่ตายจากไปแล้ว และ ใช้กับอมนุษย์ ไม่ใช่กับผู้ที่มีชีวิตอยู่ ครับ
การอุทิศส่วนกุศล (ปัตติทาน) เป็นกุศลประการหนึ่ง เพื่อประโยชน์คือให้บุคคลอื่นได้ร่วมอนุโมทนา ซึ่งจะเป็นเหตุให้กุศลจิตของบุคคลอื่นเกิดได้ ดังข้อความตอนหนึ่ง จากพระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณีปกรณ์ ว่า
[เล่มที่ 75] พระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี เล่ม ๑ ภาค ๑ หน้า ๔๒๙
"เมื่อบุคคลให้ทาน กระทำการบูชาด้วยของหอมเป็นต้น แล้วให้ส่วนบุญว่า ขอส่วนบุญ จงมีแก่บุคคลชื่อโน้น หรือว่า ขอส่วนบุญจงมีแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ดังนี้ พึงทราบว่า เป็นบุญกิริยาวัตถุอันเกิดแต่การให้ส่วนบุญ".
การอุทิศส่วนกุศลให้ใคร จุดประสงค์ก็เพื่อให้ผู้นั้นได้รู้ เพื่อผู้นั้นจะได้เกิดกุศลจิตอนุโมทนา สำคัญอยู่ที่สภาพจิตจริงๆ กุศลจิตที่อนุโมทนาย่อมเป็นกุศลของผู้อนุโมทนาเอง ซึ่งกุศลที่เกิดขึ้นด้วยการอนุโมทนานี้จะเป็นเหตุให้ได้รับผลที่ดี คือ กุศลวิบากจิตเกิดขึ้น ไม่ใช่เราหยิบยื่นกุศลของเราให้คนอื่น แต่การที่เราทำกุศล แล้วเป็นเหตุให้คนอื่นที่รู้อนุโมทนายินดีด้วย ขณะใดที่เขาอนุโมทนายินดีด้วย ขณะนั้นก็เป็นกุศลของเขา ซึ่งจะต้องเป็นกุศลจิตของผู้ที่อนุโมทนาเท่านั้นจริงๆ
ส่วน การจะให้ผู้อื่นที่ยังมีชีวิตอยู่ได้รับ ใน กุศลที่เราทำ ก็ต้องเข้าใจครับว่า กุศลของใครก็ของคนนั้น ไม่สามารถที่จะยกให้กันได้ เพราะ ไม่ใช่สภาพธรรมที่เป็นรูปธรรม สิ่งของ แต่เป็นนามธรรม ที่เป็น จิต เจตสิกทีเ่กิดขึ้น ในทางที่ดี เรียกว่า บุญ เพราะฉะนั้น บุญ ก็ของใคร ก็ของคนนั้น หากแต่ว่า การที่จะให้ผู้อื่นได้รับกุศลสำหรับผู้ที่มีชีวิตอยู่ คือ การบอก ในสิ่งที่ได้ทำมา เช่น พูดถึง บุญที่ตนเองทำมาให้ผู้ที่มีชีวิตอยู่ได้รับทราบ และ เกิด กุศลจิต เกิดบุญของตนเอง ในจิตใจของเขา ที่เรียกว่า อนุโมทนา ครับ
อนุโมทนา หมายถึง พลอยยินดีชื่นชมตาม เมื่อผู้อื่นทำความดี หรือ ยินดีในกุศลที่ผู้อื่นได้กระทำ ดังนั้น ก็คือสภาพจิตนั่นเองที่ยินดีชื่นชมในกุศลของผู้อื่น หากไม่มีสภาพธรรมที่เป็นจิต เจตสิก ก็จะไม่มีสภาพธรรมที่เป็นกุศลธรรม ที่มีลักษณะพลอยยินดีในกุศลของผู้อื่น
ที่สำคัญ ต้องเข้าใจความเป็นอนัตตา และ การสะสมของแต่ละบุคคลที่ไม่เหมือนกัน แล้วแต่ว่าใครจะเกิด กุศล หรือ ไม่เกิด หากแต่ว่า ก็ทำหน้าที่ของตนเองที่ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้น ก็เป็นเรื่องของแต่ละคน แต่ละหนึ่ง เพราะ สุดท้ายต่างคนก็ตางมา และ ต่างก็ต่างไป ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ถ้าผู้นั้น ยังมีชีวิตอยู่ เห็นๆ กันอยู่ ถ้ากุศลจิตเกิด มุ่งที่จะเกื้อกูลให้ผู้นั้นเกิดกุศลจิต อนุโมทนาในกุศลที่ได้ทำ ซึ่งก็จะย่อมจะเป็นประโยชน์แก่ผู้นั้น เราก็สามารถบอก ได้ ว่า วันนี้ ได้เจริญกุศลอย่างนี้ๆ มา มีการให้ทาน มีการฟังพระธรรม เป็นต้น ก็สามารถบอกได้ โดยไม่ใช่การอวดคุณความดี หรือยกตัวเองว่าได้ทำกุศล แต่ด้วยจิตที่ดีงาม เพื่อประโยชน์ในการอนุโมทนาของบุคคลอื่น จะใช้คำอย่างไรก็ตาม ไม่สำคัญเท่ากับความปรารถนาดีที่จะให้ผู้อื่นเกิดกุศลจิต ซึ่งเป็นขณะที่ประเสริฐสำหรับผู้นั้นอย่างแท้จริง ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
อุทิศใช้กับคนที่ตายไปแล้ว เราสามารถบอกบุญกับคนที่มีชีวิตอยู่ได้ ค่ะ
อุ่ย เราทำทุกครั้งเลย หลังสวดมนต์เสร็จ ก็ ลูกขออุทิศส่วนบุญกุศลนี้ให้ ... ... ... (คนเป็น) ... ... .ต่อด้วย (คนตาย) จะเป็นอะไรไหมคะ มีวิธีแก้ไขไหม
ถ้าผู้นั้น ยังมีชีวิตอยู่ เห็นๆ กันอยู่ ถ้ากุศลจิตเกิด มุ่งที่จะเกื้อกูลให้ผู้นั้นเกิดกุศลจิต อนุโมทนาในกุศลที่ได้ทำ เราก็สามารถบอก ว่า วันนี้ ได้เจริญกุศลอย่างนี้ๆ มา มีการให้ทาน มีการฟังพระธรรม เป็นต้น ก็สามารถบอกได้ เพื่อประโยชน์ในการอนุโมทนาของบุคคลอื่น ครับ