ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๓๐

 
khampan.a
วันที่  16 ก.พ. 2557
หมายเลข  24482
อ่าน  1,878

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

(ภาพ ณ สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี บันทึกโดย พี่วันชัย ภู่งาม)

[ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๓๐]

* ถ้าไม่เจริญกุศลทุกประการเป็นเครื่องประกอบแล้ว ก็ย่อมยากแก่การที่จะดับ กิเลสได้ เพราะเหตุว่าถ้ากุศลไม่เกิด อกุศลก็ย่อมเกิดสะสมเพิ่มขึ้น การที่จะดับ กิเลสเหล่านั้นก็เป็นสิ่งที่ยากขึ้น

* ถ้าปรารถนาจะรู้แจ้งอริยสัจจธรรม แต่ไม่สนใจที่จะประพฤติต่อบุคคล ทั้งหลายที่ท่านอยู่ร่วมด้วยให้ถูกต้อง อกุศลจิตก็จะเกิดมาก แล้วเวลาที่อกุศลจิต เกิดสะสมมากขึ้นก็ย่อมยากต่อการที่จะดับอกุศลธรรมเหล่านั้นเป็นสมุจเฉท (ถอน ขึ้นได้อย่างเด็ดขาด)

* ทำกิจที่ควรทำหรือเปล่า ถ้าลืมก็เป็นอกุศล เพราะเหตุว่าอกุศลย่อมทำให้ หลงลืมกิจที่ควรกระทำต่างๆ ท่านที่ยังอยู่กับมารดาบิดา คงจะพิจารณาเห็นได้ ในชีวิตประจำวันว่า ท่านได้ปรนนิบัติตอบแทนคุณของมารดาบิดามากน้อยเท่าไร แต่ถ้าเทียบกันแล้ว ก็เทียบไม่ได้เลยกับพระคุณที่ท่านเคยกระทำต่อบุตร ถ้าไม่มีการละคลายให้เบาบาง อกุศลนับวันก็เพิ่มขึ้น แล้วเวลาที่อกุศลเพิ่มขึ้น ก็ย่อมปรากฏให้เห็นการกระทำที่ไม่ถูกไม่ควรประการต่างๆ

* สำคัญไหมสำหรับคำพูด? เป็นเพื่อนกัน แต่ใช้ถ้อยคำผิดหูนิดเดียว โกรธเสียแล้ว ไม่เป็นเพื่อนเสียแล้ว นี่เป็นชีวิตจริงๆ

* กุศลทั้งหมดเป็นทรัพย์ที่แท้จริง อกุศลไม่ใช่ทรัพย์เลย และไม่นำมาซึ่งทรัพย์ ทั้งปวงด้วย เพราะฉะนั้น ผู้ที่จะเจริญกุศลได้ยิ่งขึ้นก็จะต้องอาศัยศรัทธา ถ้าปราศจากศรัทธา ขาดศรัทธาเสียแล้ว ก็ไม่สามารถอบรมเจริญกุศลให้ยิ่งขึ้น

* สำหรับเรื่องของกุศล ทำไมจะควรต้องคิดตอนที่ใกล้จะสิ้นชีวิต ขณะนี้ไม่ ควรหรือ? กุศลย่อมควรทุกขณะ ไม่ต้องรอจนถึงขณะนั้นแล้วจึงควร เรื่องของกุศลทั้งหมดเป็นสิ่งที่ดีงาม ไม่ต้องรอจนกว่าจะสิ้นชีวิต แม้ในขณะนี้ก็ควร

* ถ้าใครมีกายวาจาที่ปรากฏเป็นอกุศล ก็ย่อมส่องถึงการสะสมอกุศลนั้น ซึ่ง มีกำลัง ทำให้ปรากฏออกมา เป็นการกระทำที่เป็นอกุศลทางกาย ทางวาจา แต่ถ้าเป็นผู้ที่สะสมกุศลธรรมไว้มาก ก็เป็นปัจจัยให้เป็นผู้ที่ประพฤติปฏิบัติใน ทางที่เป็นกุศลยิ่งขึ้น แต่ทั้งหมดนี้มีอะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้กุศลจิตเกิดมาก หรือว่าให้อกุศลจิตเบาบาง พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงไว้โดยละเอียด ผู้ใดสดับมาก ฟังมาก พิจารณามาก ทรงจำมาก เห็นประโยชน์มาก น้อมนำที่จะประพฤติ ปฏิบัติตามมาก ก็เป็นปัจจัยให้กุศลจิตเกิดมาก ผู้ที่จะอบรมเจริญกุศล จึงต้องสามารถที่จะรู้ชัดในลักษณะของสภาพธรรมแต่ละลักษณะตรงตามความเป็นจริง อกุศลเป็นกุศลไม่ได้ และกุศลก็ไม่ใช่อกุศลเลย

* เมตตาไม่ใช่โลภะ โลภะไม่ใช่เมตตา

* มีความไม่รู้อย่างมาก สะสมมาอย่างเนิ่นนาน แล้วยังอยากจะเป็นผู้ไม่รู้ ต่อไปอีกหรือ?

* พูดคำไม่จริง บาปไหม? บาปแน่นอน เป็นการบิดเบือนความจริงให้คนอื่นเข้าใจผิด

* ความไม่รู้มีมาก เวลาที่อกุศลจิตเกิด ย่อมมีความไม่รู้เกิดร่วมด้วยทุกครั้ง

* คิด ที่จะเจริญกุศลทุกประการบ้างหรือยัง?

* คำสอนอื่น ไม่สามารถทำให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงๆ ในขณะนี้ได้เลย สิ่งที่มีจริงๆ ในขณะนี้ ไม่มีใครรู้ได้ ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง

* ความไม่ดี อยู่ที่สิ่งอื่น กล่าวคือ อยู่ที่ สี เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ หรือเปล่า? ไม่ได้อยู่ที่สิ่งเหล่านั้นเลย แต่อยู่ที่จิต เกิดขึ้นตามการสะสมของแต่ละคน

* จากที่มากไปด้วยอกุศล เกียจคร้านในการเจริญกุศล แต่เพราะอาศัยพระธรรม ก็จะค่อยๆ พลิกจากความเป็นอย่างนั้น ให้เป็นผู้มีอัธยาศัยน้อมไปในการเจริญกุศล ได้

* ผู้ที่มีความเข้าใจถูกเห็นถูก จะไม่เดือดร้อนเลย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม

* สิ่งที่ควรเคารพ ต้องเป็นกุศลธรรม คุณความดี

* ส่วนใหญ่ อาศัย ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แล้วเป็นอกุศลมากมาย นี่คือ ชีวิตจริงๆ

* จะไปทำความดีอะไรได้ไหม ในขณะที่โกรธคนอื่น

* มีวัตถุสิ่งของที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น เพียงโกรธคนนั้น การให้ก็เกิดขึ้นไม่ได้ แสดงให้เห็นว่า โทสะ กั้น กุศลแล้ว ในขณะนั้น

* ทั้งๆ ที่มีความประสงค์จะฟังพระธรรม แต่ก็ง่วง ทำให้ฟังต่อไปไม่ได้ ความง่วง ก็กั้นกุศลแล้วในขณะนั้น

* ทำดี ทันที ไม่ต้องรอ ก็จะไม่เป็นเหตุให้เกิดความรำพันว่า ไม่น่าพลาดโอกาสของการทำดี เลย

* กำลังรำพัน ประโยชน์อยู่ตรงไหน ไม่มีประโยชน์เลย รู้อย่างนี้จะได้หยุดรำพัน

* ฟังธรรมให้เข้าใจ ก็ต้องเข้าใจว่า ธรรม คือ อะไร เห็น มีจริงไหม ได้ยินมีจริงไหม โกรธ มีจริงไหม ติดข้องมีจริงไหม ความเข้าใจถูก มีจริงไหม ทั้งหมดนั้นมีจริงๆ เป็นธรรม ไม่ต้องไปแสวงหาธรรมที่ไหน ถ้าได้ฟังเรื่องของสิ่งที่มีจริง ก็ย่อมมีประโยชน์กว่าการที่จะฟังเรื่องอื่น

* ธรรมมีจริงๆ ในขณะนี้ ไม่ใช่ไม่มี มี แต่ไม่รู้ จึงจะฟังพระธรรมเพื่อที่จะได้รู้สิ่งที่มีจริงๆ ในขณะนี้ตามความเป็นจริง ค่อยๆ เข้าใจขึ้น จึงจะค่อยๆ ละความเห็นผิดที่ยืดธรรมว่าเป็นเรา

* การศึกษาธรรม คือ ศึกษาในสิ่งที่มีจริง ทุกคำที่เป็นคำจริง ก็ทำให้เข้าใจสิ่งที่มีจริง ยิ่งขึ้น

* ถ้าเขาโกหก เราก็ไม่ต้องไปโกหกตามเขา

* มีแต่ดี กับ ชั่ว แล้วจะอยู่ฝั่งไหน เมื่อรู้ว่าสิ่งใดผิด ไม่ถูกต้อง แล้วยังจะสนับสนุนส่งเสริมในสิ่งที่ผิด นั้นอีกหรือไม่?

* คบคนที่ไม่สนใจธรรม หรือ คบคนที่เข้าใจธรรมผิดคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง จะมีทางที่ทำให้มีความเข้าใจถูกเห็นถูกได้หรือไม่? เป็นไปไม่ได้เลย เพราะคบคนที่มีความเห็นผิด ความเห็นผิดและความไม่รู้ ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น

* สิ่งที่ควรกลัว ไม่ใช่คนพาล แต่เป็นความเป็นพาล คือ อกุศลธรรมที่มีในตน เพราะ ภัยคืออกุศลธรรม นำมาซึ่งความทุกข์ความเดือนร้อนเท่านั้น

* อดทนที่จะเป็นคนดี อดทนที่จะไม่โกรธ

* เขาโกรธมา เราโกรธไป ความไม่ดีเกิดขึ้นแล้วในขณะนั้น ที่ไม่อดทน

* มีชีวิตอยู่เพื่อทำในสิ่งที่ถูกต้องเท่าที่จะเป็นไปได้

ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ร่วมแบ่งปันธรรมด้วยครับ

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๒๙

(ภาพ ณ สังขละบุรี จ. กาญจนบุรี บันทึกโดย พี่วันชัย ภู่งาม)

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 16 ก.พ. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันธรรมที่ไดัฟังด้วย ครับ

ถามนะคะ ประโยคที่ว่า ค่อยๆ ตามด้วยการฟัง ค่อยๆ ตามด้วยความคิด ค่อยๆ ตามด้วยการประจักษ์แจ้ง หมายถึงอย่างไร

ท่านอ.สุจินต์ ไม่มีตัวตนที่ตาม แต่อาศัย สภาพธรรมที่ดีๆ ก่อนๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งอาศัย จิต เจตสิกที่เคยสะสมมาที่ดี ด้วยอำนาจปัจจัยต่างๆ จนมีอำนาจจริงๆ เป็นใหญ่ มีกำลัง จนถึงองค์ของการตรัสรู้ จนถึงการดับกิเลส

ที่จริง ไม่ใช่เรื่องที่ตามทุกคำพูด แต่ความหมายของผู้ถาม คือ คำว่าค่อยๆ ตาม คือ อย่างไร แม้แต่คำว่า ตาม หมายถึงอะไร หมายถึง ตามความเป็นจริงตามที่ พระพุทธเจ้าทรงแสดง แต่ ไม่ใช่ ตามความคิดของตนเอง

ค่อยๆ หมายความว่าไง คะ ไม่ได้หมายถึง การจับอะไรเบาๆ แต่ หมายถึง รีบได้ไหม แต่ค่อยๆ อบรมไป สะสมไป เช่น ขณะนี้ มีสภาพธรรมที่มีจริง แต่ละหนึ่ง ต้องค่อยๆ คิด ไม่ใช่เข้าใจได้เลย คือ เข้าใจว่าสภาพธรรมมีจริง มีสภาวะของตน เพื่อให้เข้าใจถูกว่า ไม่ใช่เรา


เพราะฉะนั้น ไม่ใช่ ให้เข้าใจตามคำ แต่ละคำ แล้วสงสัย แตต้องอาศัยการฟัง และ ไตร่ตรองขั้นการฟัง ค่อยๆ คิดพิจารณาไป โดยไม่มีตัวที่จะตาม ไม่มีตัวตน ที่จะคิดตามทั้งสิ้น ซึ่งเป็นไปตามปัญญาขั้นการฟัง


ถาม เราจะทราบว่าคนไหนควรคบ ไม่ควรคบ

ท่านอ.สุจินต์ อยู่ที่นี่แล้ว คบใคร ก็คบที่สนใจธรรม ถ้าเราไปคบคนที่ ไม่สนใจธรรม จะมีโอกาสเข้าใจธรรม และ ถ้าคบคนที่เข้าใจธรรมผิดจะเข้าใจธรรม ในขณะนี้ได้ไหม เพราะฉะนั้น จะต้องคบคนที่เข้าใจธรรม ที่เข้าใจถูกตามความเป็นจริง

คบคนที่เข้าใจความจริง มีฉันทะที่ต้องการเข้าใจความจริง แต่จะต้องอบรม อย่างยาวนาน กว่าจะรู้ความจริงได้ ยากที่จะเข้าใจ แต่อดทนที่จะฟังต่อไป ซึ่งถ้า คบกันไป กับคนที่เข้าใจถูก ก็สามารถที่จะเข้าใจถูกได้

จริงๆ แล้ว เราต้องพิจารณาว่าเราคบคนเพื่ออะไร ถ้าเป็นคนพาล ไม่จำเป็นต้องคบ เพียงอนุเคราะห์ แต่ไม่คบ คุ้นเคย

ได้ยินคำว่าคนพาล กลัวคนพาลไหม คนพาลน่ากลัวหรือเปล่า ถ้าเข้าใจธรรม ไม่กลัวคนพาล แต่ความพาล น่ากลัวกว่า เพราะ นำมาซึ่งภัยอันตราย ถ้าสะสม ความดีมา ไม่กลัวคนพาล แต่ รังเกียจ มีหิริ ในความเป็นอกุศล ซึ่ง อกุศลที่ทำ ให้ผลกับใคร ก็ให้ผลกับที่ทำบาปเอง ไม่ได้ให้ผลกับคนอื่น ไม่ต้องกลัว อกุศลของใคร ใดๆ ทั้งสิ้น เพราะ คนพาล ไม่สามารถทำอะไรใครได้ แต่ กรรมของตนเอง ทำให้ ได้รับผลของกรรม ไม่ว่าจะมีใครทำให้ หรือ ไม่ทำให้ก็ตาม

ถ้ามีใครชวนไปทำอกุศล คนที่เข้าใจธรรม ก็ไม่หวั่นไหว ที่จะทำอกุศล ทำตามอกุศล ซึ่ง คนพาล ก็คือ ขณะใดที่อกุศลเกิดขึ้น ขณะนั้นเป็นคนพาล เพราะฉะนั้น ไม่หวั่นไหว ใช่ไหม ไม่กลัว คนพาลไม่สามารถทำอะไรเราได้ เราคิดว่าเขาทำ แต่ เป็นกรรมของเราต่างหาก แต่ ถ้า เกิด ใจเราไม่หวั่นไหว และ ถ้ามีความมั่นคง สงสารไหม ทุกคนที่มีอกุศล น่าสงสาร ผู้ที่เข้าใจธรรม ทำให้เป็นผู้ที่ตรง ไม่หวั่นไหว แต่ รังเกียจ เห็นโทษภัยอกุศล ซึ่ง จะทำร้ายคนที่มีอกุศล ไม่ทำร้ายคนที่มีกุศล

ถามค่ะ ถ้าเราต้องอยู่ในสังคมที่ปกครองด้วยคนพาล เราจะต้องอดทนอย่างไร

ท่านอาจารย์สุจินต์ ทุกสถานการณ์ ความอดทนก็ต้องเป็นความอดทน อดทนที่จะทำดี อดทนที่จะไม่ทำความไม่ดี ค่ะ

กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 16 ก.พ. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

"...ขณะนี้ ใครรู้จัก "จิต" บ้าง? ไม่ได้กล่าวถึงใครสักคนหนึ่ง แต่ กล่าวถึง "ธรรมะ" คือ "สิ่งที่มีจริง" ซึ่งเป็นใหญ่ ถ้าไม่มีสิ่งนี้ อะไรๆ ก็ไม่ปรากฏ..."

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของคุณคำปั่น อักษรวิลัย ,

คุณเผดิม ยี่สมบุญ เป็นอย่างยิ่ง

และ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 17 ก.พ. 2557

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ และขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
jaturong
วันที่ 17 ก.พ. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
j.jim
วันที่ 17 ก.พ. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
napachant
วันที่ 17 ก.พ. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
kinder
วันที่ 17 ก.พ. 2557
ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 19 ก.พ. 2557

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
chatchai.k
วันที่ 7 พ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
Tuangporn
วันที่ 22 ม.ค. 2564

กราบเท้าท่านอาจารย์กราบขอบพระคุณ

กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ