โทสะที่สะสมมาบ่งบอกระดับปัญญาหรือไม่ครับ

 
นี่นะใหญ่สุดแล้ว
วันที่  18 มี.ค. 2557
หมายเลข  24601
อ่าน  1,711

กราบเรียนถามท่านวิทยากรทุกท่านนะครับ

ผมอยากทราบว่ากลุ่มโทสะต่างๆ เช่น ความกลัว ความเครียดหงุดหงิด ความขุ่นใจ หากมีมากในบุคคลใด บ่งบอกว่าผู้นั้นสะสมปัญญาทางธรรมมาน้อยหรือไม่ครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 18 มี.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

โทสะเป็นสภาพธรรมที่มีจริงที่เป็นเจตสิกธรรม อันเป็นอกุศลเจตสิก เป็นสภาพธรรมที่ขุ่นใจ ไม่สบาย ไม่พอใจ เกิดร่วมกับความรู้สึกไม่สบายใจ ที่เป็นโทมนัสเวทนา ซึ่ง โทสะ เป็นสภาพธรรมที่เผาใจ เพราะทำให้จิตกระสับกระส่าย เผาใจให้หมดไปจากความดี เผาใจให้เร่าร้อนด้วยสภาพธรรมที่เป็นโทสะ และ โทษที่เสมอด้วยโทสะ ไม่มี

กล่าวถึงสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในชีวิตประจำวัน คือ โทสะ, โทสะหรือความโกรธ เป็นสภาพธรรมที่มีจริง สามารถที่จะเกิดได้กับทุกบุคคลตราบใดที่ยังไม่ได้ดับโทสะได้อย่างเด็ดขาดถึงความเป็นพระอนาคามีบุคคล เมื่อได้เหตุได้ปัจจัย โทสะก็เกิดได้ ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น

โทสะ เป็นข้าศึกภายในที่ประทุษร้ายทันทีที่เกิดขึ้น ตามความเป็นจริงแล้ว เราไม่ได้ถูกใครประทุษร้ายเบียดเบียนเลย นอกจากโทสะซึ่งเป็นสภาพที่ประทุษร้าย ซึ่งเป็นกิเลสของเราเอง สำหรับโทสะที่ว่าเป็นข้าศึกภายในที่ประทุษร้ายทันทีที่เกิดขึ้น ซึ่งก็มีหลายระดับตั้งแต่เพียงขุ่นเคืองใจเล็กน้อย จนกระทั่งมีกำลังกล้าถึงขั้นประทุษร้ายเบียดเบียนผู้อื่นด้วยกาย หรือ ด้วยวาจา เป็นความเกิดขึ้นเป็นไปของอกุศลธรรม ไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย มีแต่โทษโดยส่วนเดียวเท่านั้น และไม่ได้หมายเอาเฉพาะโทสะเท่านั้นที่มีโทษ ต้องหมายรวมถึงอกุศลธรรมทุกประเภทด้วย ที่มีแต่โทษโดยส่วนเดียว ไม่นำมาซึ่งคุณประโยชน์ใดๆ เลย

ซึ่งจากคำถาม ผู้ที่มีโทสะมาก ก็ย่อมแสดงถึง มีกิเลสมาก แต่เราควรแยกระหว่างการสะสมสองส่วน ที่สะสมมาแยกขาดกัน คือ ฝ่าย กุศลธรรม มี ปัญญา เป็นต้น และ ฝ่ายกิเลส มีโลภะ โทสะ เป็นต้น ซึ่ง ผู้ที่ยังเป็นปุถุชน ก็ยังมีทั้งโลภะมาก โทสะมาก และโมหะมาก และมีปัญญาน้อยด้วย เพราะความเป็นปุถุชน แต่เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม แม้ผู้ที่สะสมโทสะมาก ก็สามารถบรรลุธรรมได้ เพราะได้สะสมปัญญามา ดังเช่น ท่านอักโกสภารทวาชพราหมณ์ ที่ด่าว่าพระพุทธเจ้า เพราะมีโทสะภายใน แต่เพราะสะสมปัญญา เมื่อได้ฟังพระธรรม เกิดศรัทธา และ บวชได้บรรลุธรรม ครับ เพราะฉะนั้น การสะสมกิเลสมามาก มีโทสะมาก ไม่ได้หมายถึง ผู้นั้นจะไม่มีปัญญา มีปัญญาน้อย เพียงแต่เพราะยังไม่ได้ดับกิเลส เป็นปุถุชน ก็ยังมีเหตุให้เกิดโทสะ แต่เมื่อสะสมปัญญามาด้วย มีปัญญามากพอ ก็บรรลุธรรมได้ ครับ เพราะฉะนั้น เพราะปัญญาไม่มาก ที่จะทำให้ไม่เกิดโทสะ แต่ก็สะสมปัญญามาได้ ไม่ใช่ ปัญญาน้อย เพียงเพราะมีโทสะ ครับ

ดังนั้น ธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นเครื่องเตือนที่ดี แม้กุศล พระองค์ก็ทรงแสดงเพื่อให้เห็นกุศลตามความเป็นจริง พร้อมทั้งทรงแสดงโทษไว้ด้วย เตือนให้ไม่หลงผิดไปในทางที่ไม่ดี แต่ให้ตั้งมั่นอยู่ในกุศลธรรมทั้งหลาย จึงควรอย่างยิ่งที่จะศึกษาและน้อมประพฤติปฏิบัติตามด้วยความจริงใจ ครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 18 มี.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ธรรม เป็นสิ่งที่มีจริง สิ่งที่มีจริง เป็นจริงแต่ละหนึ่งๆ โดยไม่ปะปนกัน กุศล เป็นกุศล จะเปลี่ยนให้กุศล เป็นอกุศลก็ไม่ได้ และ อกุศล ก็เป็น อกุศล เป็นสภาพธรรมที่ไม่ดี ไม่ว่าจะเกิดกับใครก็ตาม ความเป็นจริงของอกุศลธรรม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เช่น โลภะ มีลักษณะติดข้องยินดีพอใจ โทสะ มีลักษณะหยาบกระด้างดุร้าย เป็นต้น ซึ่งเป็นคนละส่วนกันกับกุศลธรรม แต่ละคนก็มีความประพฤติเป็นไปตามการะสะสม ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ซึ่งก็เป็นคนละส่วนกัน พระอริยบุคคลทั้งหลาย ก่อนที่ท่านจะได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม ท่านก็มีกิเลส มีความประพฤติเป็นไปตามอำนาจของกิเลส แต่เพราะคุณความดี พร้อมทั้งปัญญาที่ท่านได้สะสมอบรมมา เมื่อปัญญาคมกล้าก็สามารถทำให้ท่านได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมดับกิเลสตามลำดับขั้น และกิเลสที่ท่านดับได้แล้ว จะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกเลยในสังสารวัฏฏ์

เป็นความจริงที่ว่า เมื่อได้ประสบกับสิ่งที่ไม่น่าพอใจประการต่างๆ แล้วหงุดหงิดไม่พอใจ เกิดความขุ่นเคืองใจขึ้นในขณะนั้น ก็เพราะว่า เป็นบุคคลที่ได้สะสมมาที่จะมีอุปนิสัยอย่างนั้น ความขุ่นเคืองใจ ความไม่พอใจ จึงเกิดขึ้น และเกิดบ่อยมากกว่าบุคคลผู้ที่ได้สะสมมาในเรื่องของความอดทน ขณะที่ความโกรธ ความขุ่นเคืองใจเกิดขึ้น ตนเองเท่านั้นที่เป็นทุกข์ เป็นทุกข์เพราะกิเลสคือโทสะหรือความโกรธ คนอื่นจะทำให้ไม่ได้เลย โทสะมีหลายระดับขั้นตั้งแต่เพียงขุ่นใจเพียงเล็กน้อยในใจ จนกระทั่งมีกำลังแรงถึงขั้นที่จะเบียดเบียนประทุษร้าย ฆ่าผู้อื่นได้ ซึ่งมีแต่โทษอย่างเดียวเท่านั้น เป็นเหตุนำมาซึ่งความทุกข์ความเดือดร้อนในภายหลัง

ถ้าไม่ได้ศึกษาพระธรรม ไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่ได้อบรมเจริญปัญญา ก็จะเป็นเหตุให้สะสมกิเลสประการต่างๆ เป็นอุปนิสัยที่หนาแน่นขึ้น จนยากที่จะแก้ไขได้ ดังนั้น การที่จะมีธรรมเป็นที่พึ่ง ได้นั้น จึงต้องศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม อบรมเจริญปัญญาเพื่อความเข้าใจถูกในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง และขัดเกลากิเลสของตนเอง เมื่ออบรมเจริญปัญญาความรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ถูกต้องตรงตามความเป็นจริงขึ้น ความโกรธ ความขุ่นเคืองใจ ก็จะค่อยๆ ลดน้อยลง แต่ว่ายังไม่ได้ดับอย่างเด็ดขาด จนกว่าจะถึงความเป็นพระอนาคามีบุคคล เพราะฉะนั้น กิเลสที่มีมาก ต้องอาศัยปัญญาเท่านั้น จึงจะดับได้ ถ้าไม่มีปัญญา ก็ไม่สามารถดับกิเลสอะไรได้เลย ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 18 มี.ค. 2557

โทสะไม่ดี มีโทษ ทำให้ทุกข์กาย ทุกข์ใจ และไม่มีปัญญาเมื่อโกรธ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
นี่นะใหญ่สุดแล้ว
วันที่ 18 มี.ค. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

เป็นหัวข้อที่ควรศึกษาอย่างละเอียด

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
j.jim
วันที่ 20 มี.ค. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ