การคิดสร้างสรรค์งานต่างๆ

 
นี่นะใหญ่สุดแล้ว
วันที่  19 มี.ค. 2557
หมายเลข  24603
อ่าน  1,042

กราบเรียนถามท่านวิทยากรนะครับ

มีคนกล่าวกันว่า สถานที่ต่างๆ ในการทำงาน ต้องรื่นรมย์ สะอาด สดชื่น เรียบร้อย แล้วจะมีความคิดที่ดี ในการสร้างสรรค์งาน จึงอยากทราบว่าความคิดที่ดี ในการคิดสร้างสรรค์งาน ในทางธรรมเป็นอย่างไร


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 19 มี.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ในความเป็นจริง ก็เป็นเพียง จิต เจตสิกและรูปที่เกิดขึ้นและดับไปแต่ละขณะ ดังนั้น การทำงาน ก็คือ การทำหน้าที่ของจิต เจตสิกที่เกิดขึ้น เพราะขณะที่ทำงาน ก็ไม่พ้นจากการเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การลิ้มรส การรู้กระทบสัมผัสและการคิดนึก ซึ่งที่กล่าวมา ก็ไม่พ้นจากจิต เจตสิก ไม่พ้นจากรูป คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ดังนั้นขณะที่ทำงานก็คือ ขณะที่จิต เจตสิกเกิดขึ้นทำหน้าที่ ขณะที่คิดนึกเรื่องราวของงาน ก็ต้องมี จิต เจตสิกทีเกิดขึ้นอีกเช่นกัน ทำหน้าที่คิดนึก เป็นต้น

การทำงาน ก็คือ การเกิดขึ้นของสภาพธรรมที่เป็นจิต เจตสิกที่มีในชีวิตประจำวัน ไม่มีเราทำงานเลย เพราะมีแต่ธรรม ครับ การคิดสร้างรรค์งาน ก็ไม่พ้นจากสภาพธรรมที่มีจริง คือ จิต เจตสิก ที่เกิดขึ้น เพราะการคิด ก็คือ การเกิดขึ้นของ จิต เจตสิก ที่ทำหน้าที่คิดนึก ตรึกไปในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไปในเวลางาน หรือ ไม่ใช่งาน ตามที่ชาวโลกสมมติกัน ก็เป็นการทำหน้าที่ของ จิต เจตสิก ที่เกิดขึ้น คิด ตรึกไปในเรื่องราว ที่เรียกสมมติว่าเป็น บัญญัติ ซึ่งหากพิจารณา จิตที่คิดในการทำงาน หากไม่เป็นไปในทาน ศีล ภาวนาแล้วที่เป็นกุศลจิต กุศลธรรม โดยมาก ของจิตที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ก็เป็นโลภะ โทสะ และโมหะที่เป็นอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เพราะฉะนั้น ในขณะที่คิดสร้างสรรค์งาน โดยมากเป็นความต้องการ ติดข้องในขณะนั้น สร้างสรรค์ด้วยจิตที่เป็นโลภะโดยมาก เพราะฉะนั้น จิตจึงเป็นอกุศลธรรมในขณะนั้น สร้างสรรค์ไปตามจิต ที่วิจิตร ด้วยอกุศลธรรมที่เกิดขึ้น และบางขณะ เมื่อไม่ได้ดั่งที่ต้องการ ก็เป็นโทสะ ความขุ่นเคืองใจได้ และเมื่อไม่รู้ความจริง ขณะนั้น ก็เกิดโมหะได้เป็นธรรมดา จึงกล่าวได้ว่า ความคิดสร้างสรรค์ ก็คือ จิต และ เจตสิกที่คิด ตรึกไปต่างๆ สร้างสรรค์ไปตามการสะสมของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน ที่ทางโลกเรียกว่า ไอเดีย แต่ความคิดใหม่ที่สร้างสรรค์ ก็เป็น อกุศลจิตที่เกิดขึ้น ครับ ซึ่งเป็นส่วนมาก แต่หากว่า คิด สร้างสรรค์ในงาน เพื่อประโยชน์คนอื่น เพื่อให้ผู้อื่นได้รับสิ่งที่ดี อย่างนี้ ก็เกิดกุศลจิตในความคิดที่เป็นไอเดียใหม่ เพราะ คิดเพื่อมุ่งประโยชน์กับคนอื่น แต่เกิดขึ้นเพียงบางขณะ และก็ดับไปอย่างรวดเร็ว และก็เกิดอกุศลจิตเกิดต่อที่คิดในเรื่องราวการงานได้เป็นธรรมดา ครับ

จึงกล่าวได้ว่า ความคิดสร้างสรรค์ในทางธรรม ไม่พ้นจาก จิต เจตสิกที่เกิดขึ้น ที่คิดนึกเป็นไปตามการสะสมไม่เหมือนกัน ทำให้มีไอเดียแตกต่างกันไป และโดยมาก ก็ฟุ้งคิดไปในทางอกุศลติดข้อง ที่เป็นโลภะ โทสะบ้าง และก็มีกุศลจิตที่สลับบ้างในความคิดนึก สร้างสรรค์ เพื่อประโยชน์กับคนอื่น ในขณะที่ทำงาน ครับ

[เล่มที่ 75] พระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 228

อธิบายคำว่าจิต

พึงทราบวินิจฉัยในบทว่า จิตฺตํ สภาวะที่ชื่อว่า จิต เพราะอรรถว่า ย่อมคิด คือว่า ย่อมรู้แจ้งซึ่งอารมณ์ อีกอย่างหนึ่ง ศัพท์ว่า จิต นี้ ทั่วไปแก่จิตทั้งปวง เพราะฉะนั้น ในบทว่าจิตฺตํ นี้ จิตใดที่เป็นกุศลฝ่ายโลกีย์อกุศลและมหากิริยาจิต จิตนั้นชื่อว่า จิต เพราะอรรถว่า ย่อมสั่งสมสันดานของตนด้วยสามารถแห่งชวนวิถี. ชื่อว่า จิต เพราะอรรถว่า เป็นธรรมชาติ อันกรรมและกิเลสทั้งหลายสั่งสมวิบาก. อีกอย่างหนึ่ง แม้ทั้งหมด ชื่อว่า จิต เพราะความเป็นธรรมชาติวิจิตรตามสมควร. ชื่อว่า จิต เพราะการทำให้วิจิตร พึงทราบเนื้อความในบทว่า จิตฺตํ นี้ ดังพรรณนามาฉะนี้.

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 19 มี.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ตั้งต้นที่ว่า ชีวิตประจำวัน ไม่พ้นไปจากธรรม ไม่ว่าจะกล่าวถึงการสร้างสรรค์งาน หรือว่าจะทำอะไรก็ตาม ไม่พ้นจากธรรมเลย เมื่อเข้าใจแล้ว ก็จะไม่มีการแยกว่าเป็นทางโลกหรือทางธรรม ก็เพราะเหตุว่าไม่พ้นไปจากธรรมเลย เพราะมีจิตและเจตสิกเกิดขึ้น จึงมีการตรึกคิดนึกสร้างสรรค์ในสิ่งต่างๆ และมีความประพฤติเป็นไปคล้อยตามความตรึกนึกคิดนั้น ขึ้นอยู่กับว่า จะเป็นไปในทางที่ถูกที่ควรหรือไม่ ความเป็นจริงของธรรมจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง เป็นจริงอย่างไร ก็เป็นจริงอย่างนั้น ถ้าเป็นอกุศล ไม่ดี แต่ถ้าจะเป็นสิ่งที่ดีถูกต้องดีงาม ต้องเป็นกุศล เท่านั้น

การฟังพระธรรมจะทำให้มีความเข้าใจถูกเห็นถูกในสภาพธรรมที่มีจริงที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ทำอะไร ก็สามารถเข้าใจสิ่งที่มีจริงๆ ได้ว่า เป็นธรรม ไม่ใช่เรา ครับ

...ขออนุขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 19 มี.ค. 2557

คิดมีจริง แต่ไม่รู้ว่าคิดเป็นธรรม ต้องศึกษาพระธรรม อบรมปัญญา ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
นี่นะใหญ่สุดแล้ว
วันที่ 20 มี.ค. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

กราบอนุโมทนาครับ

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
j.jim
วันที่ 24 มี.ค. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
chatchai.k
วันที่ 1 ต.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ