กลัวโจรจึงระวังโจร
พอดีช่วงนี้ดิฉันกลัวโจรขึ้นบ้านและกลัวโจรในซอยจี้ เพราะเศรษฐกิจไม่ค่อยดี โดนกันไปหลายบ้านแล้วในละแวกซอยเดียวกัน ดิฉันเลยเอาไปบอกเพื่อนที่สนทนาธรรมด้วยกัน ว่ากลัวโจรแถวบ้านมาก จะป้องกันอย่างไรดี เขาจึงแนะนำว่าชาตินี้ดิฉันไม่เคยไปขโมยหรือไปหลอกลวงเอาทรัพย์ใคร ก็ไม่มีทางจะโดนโจรมาลักขโมยหรอก จึงไม่ควรกลัวให้เป็นอกุศลของตนเองเปล่าๆ ดิฉันจึงเกิดความสงสัยว่าหากชาตินี้เราไม่เคยกระทำกรรมที่ไปลักขโมยใคร เราก็จะไม่โดนใครลักขโมยจริงหรือคะ แล้วเราจะห้ามจิตไม่ให้เกิดความกลัวอย่างไรโดยที่ไม่สูญเสียความรอบคอบที่จะระวังภัย เพราะถ้าดิฉันไม่กลัว ก็คงไม่ระวังเพิ่มขึ้น ปกติจะออกบ้านตอนกลางคืนไปซื้อของ แต่เพราะเกิดความกลัวโจร จึงไม่ออกไป
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ในความเป็นจริง สัตว์โลกไม่ได้เกิดเพียงชาติเดียว และไม่ได้ทำกรรมที่เป็นกุศลกรรม อกุศลกรรมเพียงชาตินี้ แต่ในอดีตชาติทำกรรมมานับชาติไม่ถ้วน ทั้งที่เป็นกรรมดี และกรรมไม่ด่ี ดั่งเช่น ในอดีตชาติของท่านพระมหาสาวก ที่เป็นพระอริยเจ้า เป็นพระอรหันต์ แม้ชาตินี้ท่านทำกรรมดี และดับกิเลสหมดสิ้น แต่กรรมในอดีตก็เคยทำมาที่เป็นอกุศลกรรม ทำให้ท่านได้รับผลของกรรมที่ไม่ดี มี การถูกทุบตี ถูกทำร้าย แม้พระพุทธเจ้าก็ทรงมีอดีตกรรมที่เคยทำอกุศลกรรมในอดีต ทำให้ได้รับสิ่งที่ไม่ด่ีเป็นธรรมดา จะกล่าวไปใยถึงปุถุชน ที่เคยทำกรรมไม่ดี ล่วงศีล 5 มาแล้วทุกข้อมาในอดีต จะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม แต่อย่างไรก็ดี อนาคตก็ไม่สามารถรู้ได้ว่ากรรมใดจะให้ผล จะกลัว หรือไม่กลัว หากกรรมใดจะให้ผลก็ต้องให้ เพราะฉะนั้น การจะห้ามความกลัวเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย เพราะผู้ที่ไม่เกิดความกลัวอีก คือ พระอนาคามี เพราะฉะนั้น สิ่งที่ทำได้ และมั่นคง คือ มั่นคงในเรื่องกรรม และอบรมทำความดีต่อไป แม้ความกลัวเกิดขึ้น ก็ให้เข้าใจว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องเกิดอยู่แล้ว การระวังภัย ป้องกัน ก็เป็นสิ่งธรรมดาที่ควรมีอยู่แล้ว แม้เหตุการณ์จะเกิด หรือไม่เกิดก็ตาม อย่างไรก็ดี เมื่อเข้าใจว่าเป็นธรรมดาที่จะเกิดความกลัว และก็เป็นธรรมดาที่จะต้องป้องกันภัย ก็จะเบาสบายขึ้น และอบรมเหตุ คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมต่อไป นี่คือวิธีขจัดความกลัว ด้วยการรู้จักความกลัว ที่เป็นอกุศลตามความเป็นจริงว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา ครับ เพราะคงไม่มีโจรใดที่่น่ากลัวที่สุดเท่ากับโจรคือ กิเลส เพราะหากไม่มีกิเลส ก็คงไม่มีการทำอกุศลกรรม และก็จะไม่ต้องได้รับการทำร้ายจากโจรที่สมมติขึ้นเลย ครับ เพราะฉะนั้น กำจัดโจรที่แท้จริง คือ การอบรมปัญญาศึกษาพระธรรม ครับ ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ตราบใดที่ยังมีการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏฏ์ ก็ยังไม่พ้นจากกรรม และการได้รับผลของกรรม เพราะเหตุว่าถ้าไม่มีกรรมก็ไม่ต้องเกิด และที่แต่ละบุคคลเกิดมาต่างกัน ก็เพราะกรรมต่างกัน นั่นเอง กรรมนั้นมีทั้งกุศลกรรม และ อกุศลกรรม
อกุศลกรรมที่ได้กระทำแล้ว สามารถให้ผลได้เมื่อยังมีสังสารวัฎฎ์ คือ การเวียนว่ายตายเกิดอยู่ โดยที่ไม่สามารถจะรู้ได้ว่ากรรมใดจะให้ผลเมื่อใด
ส่วนใหญ่แล้ว จะคำนึงถึงการป้องกันภัยภายนอก (ซึ่งก็ต้องทำด้วย ไม่ใช่ว่าปล่อยปละละเลย ไม่ดูแลทรัพย์สมบัติของตน เป็นต้น) แต่ลืมภัยภายใน คือ กิเลสที่ทำร้ายจิตของตนเอง ไม่ใช่เฉพาะชาตินี้เป็นมานานแล้วในสังสารวัฏฏ์ และยังจะต้องเป็นอย่างนี้ต่อไปอีก
การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมโดยละเอียด ทำให้ได้รู้จักตนเองตามความเป็นจริงว่ายังมีกิเลสที่หนาแน่น ยังเต็มไปด้วยภัยภายในคือกิเลสที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง และทำให้รู้ว่าตนเองยังต้องอบรมปัญญาต่อไปอีกยาวนานกว่าจะสามารถละกิเลสที่สะสมมาอย่างยาวนานได้ เพราะเราสะสมเพิ่มพูนกิเลสอยู่เป็นประจำสม่ำเสมอทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว โอกาสจะเจริญกุศลก็มีน้อยในชีวิตประจำวัน และกุศลที่ว่าน้อยนั้นส่วนใหญ่ก็เป็นกุศลที่ไม่ประกอบด้วยปัญญา จะเห็นได้ว่าหากไม่ได้ศึกษาพระธรรมที่ละเอียดลึกซึ้งเพื่อดับความเห็นผิดว่ามีตัวตนแล้ว ไม่มีหนทางใดที่จะออกจากสังสารวัฏฏ์ ได้เลย เพราะฉะนั้นการป้องกันภัยคือกิเลสนั้น ต้องอาศัยการเจริญขึ้นของกุศลธรรมทั้งหลาย มีศรัทธา หิริ โอตตัปปะ เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ ปัญญา ความเข้าใจถูกเห็นถูก เพราะถ้ามีปัญญาแล้ว กุศลธรรมประการต่างๆ ก็จะเจริญเพิ่มขึ้น ขณะที่กุศลธรรมเกิดขึ้นนั้น ก็เป็นเครื่องป้องกันอกุศลแล้ว เพราะขณะนั้นอกุศลเกิดไม่ได้ จนกว่าจะมีปัญญาคมกล้าสามารถดับกิเลสได้ตามลำดับขั้น เมื่อนั้นจึงจะเป็นผู้ปลอดภัยอย่างแท้จริง ปลอดจากภัยคือกิเลส ไม่ต้องประสบกับภัยใดๆ อีกเลย ครับ
....ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...