สังฆาทิเสส
พูดเกี่ยวบัณเฑาะก์ จีบบัณเฑาะก์เป็นแฟน อาบัติสังฆาทิเสสไหมครับ แล้วก็พูดพาดพิงทวารหนักทวารเบาของบัณเฑาะก์อาบัติไหมครับ แล้วถ้าเราพูดจีบหญิงแบบนี้ อาบัติสังฆาทิเสสไหม
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อาบัติสังฆาทิเสสเป็นอาบัติหนัก แต่แก้ไขได้โดยสงฆ์ คือ จะปลงอาบัติกับภิกษุเพียงรูปใดรูปหนึ่งไม่ได้ ต้องอาศัยสงฆ์ในการประพฤติ เพื่อการออกจากอาบัตินั้น เช่น การให้ปริวาส ให้มานัตต์ ต้องอาศัยสงฆ์อย่างน้อย ๔ รูปขึ้นไป
การที่จะต้องอาบัติสังฆาทิเสส ในข้อที่กล่าวถึงการพูดเกี้ยวหญิงสาว นั้น มุ่งหมายถึงการพูดพาดพิงถึงวัจจมรรค (ทวารหนัก) ปัสสาวมรรค (ทวารเบา) พาดพิงเมถุนธรรม (การกระทำของบุคคลคู่ระหว่างชายกับหญิง) ถ้ามีการกล่าวคำพูดอย่างนี้ ต้องอาบัติสังฆาทิเสส เป็นการกระทำไม่เหมาะสม ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชนทั้งหลาย เพราะฉะนั้น พูดกับผู้หญิง ต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่ถ้าพูดกับบัณเฑาะก์ ไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ดังข้อความในพระไตรปิฎก ครับ
* * * * * * * * * * * * * * * * * *
[เล่มที่ 3] พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 188
บัณเฑาะก์
บัณเฑาะก์ ภิกษุมีความสำคัญว่าเป็นบัณเฑาะก์ มีความกำหนัดและพูดพาดพิงถึงทวารหนัก ทวารเบา ของบัณเฑาะก์ ชมก็ดี ติก็ดี ขอก็ดี อ้อนวอนก็ดี ถามก็ดี ย้อนถามก็ดี บอกก็ดี สอนก็ดี ด่าก็ดี ต้องอาบัติถุลลัจจัย
บัณเฑาะก์ ภิกษุมีความสงสัย มีความกำหนัด และพูดพาดพิงถึงทวารหนัก ทวารเบา ของบัณเฑาะก์ ชมก็ดี ก็ดี ขอก็ดี อ้อนวอนก็ดี ถามก็ดี ย้อนถามก็ดี บอกก็ดี สอนก็ดี ด่าก็ดี ต้องอาบัติทุกกฏ
บัณเฑาะก์ ภิกษุมีความสำคัญว่าเป็นบุรุษ มีความกำหนัด และพูดพาดพิงถึงทวารหนัก ทวารเบา ของบัณเฑาะก์ ชมก็ดี ก็ดี ขอก็ดี อ้อนวอนก็ดี ถามก็ดี ย้อนถามก็ดี บอกก็ดี สอนก็ดี ด่าก็ดี ต้องอาบัติทุกกฏ
บัณเฑาะก์ ภิกษุที่ความสำคัญว่าเป็นสตรี มีความกำหนัด และพูดพาดพิงถึงทวารหนัก ทวารเบา ของบัณเฑาะก์ ชมก็ดี ติก็ดี อ้อนวอนก็ดี ถามก็ดี ย้อนถามก็ดี บอกก็ดี สอนก็ดี ด่าก็ดี ต้องอาบัติทุกกฏ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สิ่งสำคัญ คือ ต้องคำนึงถึงจุดประสงค์ของการบวชจริงๆ ว่า บวชเพื่ออะไร? การกระทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสมทั้งหลายทั้งปวงนั้น ไม่ควรแก่เพศบรรพชิตเป็นอย่างยิ่ง การกระทำดังกล่าวที่ปรากฏในคำถาม แม้ว่าจะไม่ใช่อาบัติสังฆาทิเสส แต่ก็เป็นอาบัติกองอื่น ก็ยังไม่พ้นจากอาบัติอยู่ดี แต่ถ้าพูดเกี้ยวหญิง ก็เป็นอาบัติสังฆาทิเสสทันที มีแต่โทษโดยส่วนเดียว ความเป็นบรรพชิต ถ้ารักษาไม่ดี มีแต่จะคร่าไปสู่อบายภูมิอย่างเดียว เมื่อบวชแล้ว การมีโอกาสได้ศึกษาในส่วนของพระวินัยบัญญัติ พร้อมทั้งมีการสอบถามข้อวัตรปฏิบัติต่างๆ ที่เหมาะควรแก่เพศบรรพชิต จากพระอุปัชฌาย์อาจารย์ ก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะจะทำให้ได้เข้าใจถึงสิ่งที่ถูก กับสิ่งที่ผิด ซึ่งจะทำให้เราได้น้อมประพฤติในสิ่งที่ถูกต้องและงดเว้นไม่กระทำในสิ่งที่ผิด ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
สังฆาทิเสสต้องกับผู้หญิง ไม่ใช่เพศอื่นที่เป็นบัณเฑาะก์ ค่ะ
แล้วกรณีพระจีบผู้หญิงเป็นแฟน แต่ไม่ได้พาดพิงทวารหนักทวารเบาหรือขอเสพเมถุน แต่แค่จีบเป็นแฟน ผมว่ายังไงก็ต้องอาบัติข้อใดข้อหนึ่ง แต่ในวินัยถึงไม่ลงให้ละเอียดอะครับช่วยชี้แนะหน่อยครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นไปเพื่อการขัดเกลาละคลายกิเลส ไม่ได้เป็นไปเพื่อเพิ่มกิเลสเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะเพศที่สูงยิ่ง คือ เพศบรรพชิตแล้ว ยิ่งจะต้องขัดเกลากิเลสของตนเองเป็นอย่างยิ่ง ให้สมกับการที่สละอาคารบ้านเรือน สละเพศคฤหัสถ์มุ่งสู่เพศบรรพชิตแล้ว พระภิกษุไม่สามารถกระทำในสิ่งใดๆ อันเป็นกิจของชาวบ้านได้ เช่น จีบผู้หญิง เป็นต้น ไม่ใช่กิจของพระภิกษุเลยแม้แต่น้อย เพราะหน้าที่สำคัญคือ ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา ขัดเกลากิเลส และก็น่าพิจารณาว่า ถ้าจะจีบผู้หญิง แล้วมาบวชทำไม เพราะอันตรายมาก มีโอกาสต้องอาบัติในข้ออื่นๆ เช่นพูดเกี้ยวหญิงพาดพิงถึงเมถุนธรรม จับต้องกายหญิง และหนักสุด คือ ต้องอาบัติปาราชิกขาดจากความเป็นพระภิกษุได้ เพราะฉะนั้นแล้ว ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะพระภิกษุก็ตกนรกได้ จะเป็นผู้ประมาทไม่ได้เลยทีเดียว ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
คำถามที่ถามนี้ผมถามเพื่อศึกษาครับ คนไม่รู้ก็ต้องขวนขวายหาคำตอบใช่ไหมครับ ผมผิดเหรอครับที่ถาม ขอบพระคุณที่ให้คำตอบครับ
ขอบพระคุณครับ เพราะผมอยากรู้แบบตรงๆ บ้าง ที่ผมอ่านภาษาสมัยก่อนเข้าใจบ้างแต่ส่วนใหญ่ไม่เข้าใจครับ ต้องชัดๆ แบบนี้ละครับ จะได้ไว้สอนรุ่นน้องได้
ขออนุโมทนา