พรหมที่ใกล้จุติสามารถเจริญฌานจิต เกิดเป็นพรหมสืบต่อไป ได้หรือไม่

 
rukawa119
วันที่  6 เม.ย. 2557
หมายเลข  24681
อ่าน  12,245

ขอเรียนสอบถามท่านอาจารย์ประจำมูลนิธิทุกท่านว่า

ถ้าได้เกิดเป็นพรหมด้วยอำนาจแห่งฌานจิต หากหมดอำนาจแห่งกุศลที่เป็นฌานที่ข่มกิเลสไว้แล้ว แต่หากท่านเป็นผู้ชำนาญในฌานลาภี เจริญฌานก่อนที่จะจุติจากพรหมในชาตินี้ให้ได้เป็นพรหมใหม่สืบต่อไปเรื่อยๆ สามารถกระทำได้หรือไม่ครับ ทั้งรูปพรหมและอรูปพรหม

ซึ่งเท่ากับว่าไม่ต้องไปเกิดในภพภูมิอื่น และหนีอบายภูมิได้ เพราะเนื่องจากเห็นว่าจิตเมื่อเกิดอกุศลทำให้ทุกข์ร้อน จึงขอสอบถามท่านอาจารย์ทุกท่านว่าสามารถเป็นไปได้มากน้อย เพียงไรครับ ขอขอบพระคุณและอนุโมทนาครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 6 เม.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พรหมบุคคล คือ บุคคลที่เจริญฌาน และฌานไม่เสื่อมก่อนจะสิ้นชีวิต ก็สามารถไปเกิดใน รูปพรหม หรือ อรูปพรหมได้ ครับ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นรูปพรหม และ อรูปพรหม ก็ยังมีกิเลส หากไม่ใช่พระอริยบุคคล ก็ย่อมไม่พ้นจากการเกิด การตาย ไม่มีที่สิ้นสุด และก็ต้องวนเวียนไปอย่างนี้ และก็ยังจะต้องกลับมาสู่ความเป็นอย่างนี้อีก คือ มาเกิดในอบายภูมิ เกิดเป็นมนุษย์ได้เป็นธรรมดา ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว แม้จะเป็นผู้ชำนาญในฌานมากเพียงใดก็ตาม และมีการเจริญฌาน จนเกิดในภพภูมิที่ในรูปพรหม อรูปพรหมต่อๆ ไป แม้เกิดตาย แต่สุดท้าย ไม่ว่าจะเป็นรูปพรหม หรือ อรูปพรหม ไม่สามารถหนีแรงอย่างหนึ่งได้ แม้แต่พระพุทธเจ้า หรือ ใครก็ตาม ก็ไม่สามารถหนีกำลังนี้ คือ ด้วยกำลังแห่งกรรม ย่อมเป็นโอกาสของกรรมใด กรรมหนึ่งในอดีต สังสารวัฏฏ์ที่ทำมา ทำให้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ เป็นเทวดาได้อีก ไม่สามารถกลับไปเกิดเป็นพรหมได้ตลอดไปครับ เพราะหนีกรรมอื่นๆ ที่จะให้ผลไม่ได้ ครับ

สมดังที่พรหมบางท่าน คือ พกพรหม ที่เกิดความเห็นผิด ที่คิดว่า พรหมเที่ยง จะอยู่ในพรหมโลกตลอดไป พระพุทธเจ้าทรงทราบความคิดของพกพรหมที่เกิดความเห็นผิดนั้น จึงเนรมิตหายไป ปรากฏบนพรหมโลก และแสดงธรรม แสดงอายุของพรหมนั้นว่า ไม่ยาวนานเลย แม้จะคิดว่ายาวนาน และสุดท้ายก็จะต้องกลับมาเกิดเป็นอย่างนี้อีก เป็นมนุษย์ เกิดในอบายภูมิได้ เพราะยังเป็นปุถุชน ยังมีกิเลสที่จะเกิดในสุคติ มีมนุษย์และเกิดในอบายภูมิ เพราะกิเลส เป็นปัจจัยและกรรมที่เป็นอกุศลกรรมเป็นปัจจัย เมื่อพรหมได้ฟังดังนั้น จึงเกิดความเข้าใจถูก และเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า ครับ

นี่แสดงให้เห็นความจริงของชีวิต หากว่ายังมีกิเลส ยังไม่ใช่พระอริยบุคคล ก็จะต้องกลับมาเกิดเป็นอย่างนี้อีก เป็นมนุษย์ เกิดในอบายภูมิได้ แต่หากเป็นพระอนาคามีแล้ว ไปเกิดในพรหมโลก ท่านจะไม่กลับมาเกิดในอบายภูมิ และมนุษย์ เทวดาอีก เพราะกิเลสที่ดับเกือบหมดแล้ว และมีฌานมั่นคงตลอดไป ด้วยกำลังความสงบ กิเลสที่ละได้จริงๆ ส่วนเหตุผลที่ปุถุชนที่เกิดเป็นพรหม ไม่สามารถรักษาฌานได้ตลอดไป เพราะยังไม่ได้ละกิเลส มีโลภะ เป็นต้นได้จริงๆ จึงหวั่นไหว ไม่สงบได้จริงๆ และไม่สามารถเกิดฌานได้ตลอด และกรรมให้ผล ทำให้เกิดมาในโลกนี้ มีมนุษย์เป็นต้น ได้อีก จึงไม่สามารถหนีจากกรรมได้เลย ขออนุโมทนา ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 6 เม.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การอบรมเจริญสมถภาวนา ไม่สามารถดับกิเลสได้ เพียงระงับกิเลสได้ด้วยการข่มเท่านั้น ยังไม่สามารถดับกิเลสได้อย่างเด็ดขาด กิเลสยังมีโอกาสเกิดขึ้นกลุ้มรุมจิตใจได้อีก สำหรับผู้ที่อบรมเจริญสมถภาวนา ได้ฌานขั้นต่างๆ เมื่อฌานไม่เสื่อมก่อนจุติ ก็เป็นเหตุให้ไปเกิดเป็นพรหมบุคคล ในพรหมโลก ตามระดับขั้นของฌานที่ได้ ซึ่งยังไม่พ้นไปจากสังสารวัฏฏ์ ยังไม่หลุดพ้นจากกองทุกข์ทั้งปวง ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก แต่การอบรมเจริญปัญญา (วิปัสสนาภาวนา) เริ่มที่การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของปัญญา จนกระทั่งสามารถดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างหมดสิ้น ทำให้ผู้ที่อบรมเจริญสามารถดับกิเลสได้ตามลำดับขั้น จนกระทั่งสูงสุดถึงความเป็นพระอรหันต์ พ้นจากทุกข์โดยประการทั้งปวง ตราบใดที่ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ อันเนื่องมาจากยังไม่สามารถดับกิเลสใดๆ ได้เลย นั้น สิ่งที่จะเป็นที่พึ่งได้จริงๆ คือ กุศลธรรม ธรรมที่ดีงามประการต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ ปัญญา ความเข้าใจถูก เห็นถูกในลักษณะสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง เรื่องพรหมบุคคลเป็นเรื่องที่ไกลตัวมาก ขณะนี้พวกเราได้เกิดในภูมิมนุษย์ ซึ่งเป็นภูมิที่เอื้ออำนวยต่อการเจริญกุศลได้ทุกประการ ไม่มีเว้นเลย และยังเป็นยุคที่พระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังดำรงอยู่ จึงเป็นโอกาสที่ดียิ่งในชีวิตที่จะได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก ต่อไป ไม่ควรละเลยโอกาสที่มีค่าอย่างสูงสุดนี้ ดังข้อความตอนหนึ่งจากอักขณสูตร ดังนี้

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ หน้าที่ ๔๕๔

"พระตถาคตเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลก ในกาลบางครั้งบางคราว การที่พระตถาคตเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลก ๑ การได้กำเนิดเป็นมนุษย์ ๑ การแสดงสัทธรรม ๑ ที่จะพร้อมกันเข้าได้ หาได้ยากในโลก ชนผู้ใคร่ประโยชน์ จึงควรพยายามในกาลดังกล่าวมานั้น ที่ตนพอจะรู้จะเข้าใจสัทธรรมได้ ขณะอย่าล่วงเลยท่านทั้งหลายไปเสีย"

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 6 เม.ย. 2557

ผู้ที่เกิดในพรหมโลก ยังจะต้องกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ได้ แต่ถ้าเกิดบนสวรรค์ จุติมาเกิดในอบายภูมิได้ทันที ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
สิริพรรณ
วันที่ 7 เม.ย. 2557

ชัดเจนและแจ่มแจ้งมากขึ้นที่ทราบว่า ความแรงแห่งกรรมมีมาก แม้เป็นพรหมยังต้องแพ้กรรม ทำให้ระวังอกุศลกรรม และเห็นโทษของการทำอกุศลกรรม และความประมาทไม่ศึกษาพระธรรม เป็นเหตุให้เห็นผิดได้ ขอบคุณและอนุโมทนาที่ให้ความชัดแจ้งมากขึ้นค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
rukawa119
วันที่ 7 เม.ย. 2557

ขอกราบอนุโมทนากับท่านอาจารย์ทุกท่าน และบูชาพระคุณและพระกรุณาขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Jarunee.A
วันที่ 24 ม.ค. 2567

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 24 ม.ค. 2567

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ