ขณะนี้ สิ่งที่ปรากฏเป็นนิมิตของปรมัตถธรรมทั้งหมด

 
papon
วันที่  9 เม.ย. 2557
หมายเลข  24694
อ่าน  1,352

เรียนอาจารย์ทั้งสองท่าน

"ขณะนี้ สิ่งที่ปรากฏเป็นนิมิตของปรมัตถธรรมทั้งหมด" พจนาของท่านอาจารย์ ขอความกรุณาอาจารย์ช่วยอธิบายเพื่อความกระจ่างด้วยครับ ขออนุโมทนาครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 9 เม.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

(ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์) ถ้าไม่มีสภาพธัมมะ ที่เกิดดับสืบต่อ จะมีนิมิตไหม อยู่ดีๆ ก็มีนิมิต โดยที่ไม่มีสภาพธัมมะได้อย่างไร นี่คือ ความเป็นเหตุเป็นผล อย่างยิ่งนะคะ ของธัมมะเป็นความจริง ที่ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้ไม่ว่าอะไรก็ตามค่ะ ที่ปรากฏว่า เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ความจริงคืออะไร ความจริงต้องมี ธัมมะอย่างหนึ่ง ซึ่งเกิดดับสืบต่อจนกระทั่งปรากฏเป็นรูปร่างสัณฐาน หรือ ความจำ อย่างหนึ่งอย่างใด เช่น คำว่า “เช่น” เป็นนิมิต หรือเปล่าคะ ถ้าเป็นเสียงเล็กน้อย เพียงกระทบหู ปรากฏแล้วดับ ที่ทรงแสดงไว้นะคะว่าจิตเกิดดับอย่างรวดเร็ว นับประมาณไม่ได้ ก็คือ เดี๋ยวนี้เนี่ยค่ะ ทันทีที่เห็น ก็เป็นคนเยอะเลย ทำไมนิมิตมามากมายอย่างนี้ ทั้งสิ่งที่ปรากฏ ที่เกิดดับ และจิตที่ไปรู้ด้วย ว่าเป็น รูปร่างสัณฐานต่างๆ นี่ก็แสดงให้เห็นว่า การเกิดดับเร็วมากแล้วก็เพราะการเกิดดับอย่างเร็ว จึงไม่สามารถที่จะรู้เพียงหนึ่ง ที่เกิดแล้วดับ แต่เมื่อหลายๆ ขณะ เกิดสืบต่อ ทั้งสิ่งที่ปรากฏ ก็ปรากฏเป็นนิมิต และจิตก็เป็นนิมิตด้วย เช่น เห็นขณะนี้ค่ะ เห็น หนึ่ง ขณะ หรือเปล่าคะ ที่กำลังเห็นอยู่เดี๋ยวนี้ หลายขณะ จนรู้ว่า เห็น นี่คือ นิมิตของจิตเห็น เพราะฉะนั้น นิมิตทุกอย่าง นะคะ รูป รูปะนิมิต ไม่ว่าจะเป็นเป็นสีที่ปรากฏทางตา รูปร่างสัณฐานต่างๆ หรือเสียง หรือกลิ่น หรือรสทั้งหมด เป็นนิมิต แล้วค่ะ เพราะว่า ไม่ได้เพียงเกิดแล้วดับ เพียงเกิดแล้วดับ จึงสามารถที่จะรู้ว่า นั่นไม่ใช่นิมิต แต่เป็นธัมมะ แต่เพราะเหตุว่า เกิดดับอย่างเร็วนะคะ เพราะฉะนั้น ตลอดเวลา รู้ นิมิตหมด ยังไม่ได้ รู้ การเกิดดับเพียงหนึ่ง เพราะว่า เกิดดับเร็วสุด ที่จะประมาณได้ ด้วยเหตุนี้ ก็จะเข้าใจ ความหมายของนิมิต ไม่ใช่ว่าเพียงแต่ ฟัง แล้วก็ ลืมไปแล้วว่ายังไงแต่นิมิตของสิ่งที่มีจริง เพราะ สิ่งที่มีจริงเกิดดับเร็วจึงปรากฏเป็นรูปร่าง หรือนิมิต แต่ละทาง เช่น นิมิตของสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้เป็นอย่างนี้นะคะ เป็นคิ้ว เป็นตา เป็นจมูก เป็นโต๊ะ เป็นเก้าอี้นั่นคือ รูปร่างสัณฐานของ สิ่งที่เกิดดับ ปรากฏให้เห็นได้นิมิตของเสียง ก็เป็นเรื่องเลยค่ะ ทันที เป็นคำออกมา แต่ละคำได้ยินเสียง หรือว่า ได้ยินคำ ได้ยินเสียง หรือว่า ได้ยินคำ คะ ถ้าไม่มีเสียง จะมีคำ ได้ยังไงคะ แต่เพราะเสียงนั้น นะคะ ต่างกัน หลากหลาย เป็นนิมิต ของแต่ละเสียง ทำให้ คิดถึง แต่ละคำ ด้วยเหตุนี้ เวลาคิด คิดคำ ใช่ไหมคะ ทั้งๆ ที่ ถ้าไม่มีเสียง ก็ไม่มีคำ แต่ไม่ได้จำเสียง แต่จำคำซึ่งเป็นนิมิตของเสียงเพราะ ทุกครั้งที่คิดแต่ละคำ ก็คือ กำลังคิดถึง นิมิต ไม่ใช่จำเสียงนะคะ แต่หมายความว่า รู้ว่าเสียงนั้น นิมิตอย่างนั้นน่ะ หมายความถึงอะไรก็จำ แล้ว ก็คิดถึง ความหมายนั้นทันทีด้วยเหตุนี้ นะคะ ก็จะเห็นได้ว่า กว่าจะเข้าใจ แต่ละคำจริงๆ อย่างมั่นคง

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 9 เม.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตเพิ่มเติม

ข้อความบางตอนจากคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

"ถ้าเราไม่เคยฟังเรื่องจิต เรื่องปรมัตถธรรม เรื่องเกิดดับ เราจะเข้าใจไหม เราก็เข้าใจเผินๆ ว่าสิ่งที่ปรากฏเป็นรูปร่างสัณฐานนี่แหละคือนิมิต และส่วนละเอียดนั่นก็คืออนุพยัญชนะ แต่เราจะไม่รู้ว่าปรากฏได้อย่างไร นิมิตที่กำลังมีในขณะนี้ที่เป็นคน เป็นสัตว์ เป็นวัตถุสิ่งต่างๆ เกิดมีได้ คิดถึงนิมิตต่างๆ เหล่านั้นได้เพราะอะไร ถ้าไม่มีสภาพธรรมเลย นิมิตอนุพยัญชนะก็ไม่มี ถ้าประจักษ์การเกิดดับของสภาพธรรม ขณะนั้นก็ไม่มีนิมิตอนุพยัญชนะเพราะว่ามีลักษณะของสภาพธรรมกำลังปรากฏ แต่ขณะใดที่ไม่มีลักษณะของสภาพธรรมกำลังปรากฏ การเกิดดับสืบต่ออย่างรวดเร็วมาก ประมาณไม่ได้เลยก็ทำให้เห็นเป็นสิ่งที่สืบต่อจนกระทั่งเป็นสัณฐานต่างๆ เพราะฉะนั้นเราก็จะมีความเข้าใจขึ้นว่าแม้แต่สิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้ ความจริงมีอะไรเป็นของจริง เกิดปรากฏเป็นอย่างนี้ได้เพราะอะไร"

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 9 เม.ย. 2557

ถ้าเห็นเป็นรูปร่าง สัณฐาน ก็เป็นนิมิตแล้ว ต้องอบรมปัญญา จนกว่าสติปัฏฐานจะเกิด จึงจะไม่เห็นเป็นนิมิต ค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ