ทุททุภายชาดก [ว่าด้วยพวกกระต่ายตื่นตูม]
[เล่มที่ 58] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔- หน้าที่ ๕๓๐
๒. ทุททุภายชาดก
(ว่าด้วยพวกกระต่ายตื่นตูม)
ขอเชิญอ่านพระสูตร...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กระต่ายตื่น (มะ) ตูม
เนื้อหาโดยสรุป
ทุททุภายชาดก
(อ่านว่า ทุด ทุ ภา ยะ ชา ดก)
เมื่อครั้งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงแสดงชาดกนี้
ปรารภพวกอัญญเดียรถีย์ เรื่องก็มีอยู่ว่า พวกอัญญเดียรถีย์ทั้งหลาย มีการประพฤติปฏิบัติข้อวัตรต่างๆ ตามความเห็นของตนซึ่งเป็นความเห็นผิดทั้งหมด อยู่ไม่ไกลจากพระวิหารเชตวัน
พระภิกษุทั้งหลายเดินบิณฑบาตผ่านไป เห็นความเป็นไปอย่างนั้น จึงเข้าไป
กราบทูลถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่า สาระแก่นสารของการประพฤติปฏิบัติ
ของอัญญเดียรถีย์ มีหรือไม่ พระองค์ตรัสตอบว่า ไม่มี การประพฤติปฏิบัติของพวกอัญญเดียรถีย์ ไม่มีแก่นสาร ไม่มีประโยชน์ เปรียบเหมือนกับพื้นดินที่เต็มไปด้วยหยากเยื่อ และเปรียบเหมือนกระต่ายแตกตื่นเสียงกึกก้อง พระภิกษุทั้งหลายจึงกราบทูลให้พระองค์ทรงแสดงเรื่องดังกล่าวนั้น พระองค์จึงทรงยกชาดกนี้ แสดง สรุปได้ดังนี้ ในอดีตกาล พระโพธิสัตว์เกิดเป็นราชสีห์อาศัยอยู่ในป่าแห่งหนึ่ง และ ป่า นั้น มีดงตาลกับต้นมะตูม อยู่ติดทะเลด้านทิศตะวันตก และที่ดงตาลนั้นมีกระต่ายตัวหนึ่งอาศัยอยู่ใต้ต้นตาล ใกล้ๆ กับต้นมะตูมต้นหนึ่ง วันหนึ่ง กระต่ายตัวนี้ ออกเที่ยวหากินอิ่มแล้ว กลับมานอนพักผ่อนอยู่ใต้ใบ ตาลแห้ง คิดไปว่า ถ้าหากแผ่นดิน ถล่ม เราจะไปอยู่ที่ไหนหนอ ทันใด นั้นเองผลมะตูมสุกลูกหนึ่งได้หล่นลงมาถูกใบตาลเสียงดังลั่น ทำให้กระต่าย คิดว่าเป็นเสียงแผ่นดินถล่ม ตามที่ตนเองคิดไว้ จึงร้องเสียงดังลั่นว่า แผ่นดิน ถล่มแล้วๆ พร้อมกับกระโดดวิ่งหนีไปสุดชีวิตโดยไม่เหลียวหลังมาดูเลยว่า ที่จริงแล้ว สิ่งนั้น คือ อะไร
กระต่ายตัวอื่นๆ พอเห็นกระต่ายตัวนี้ซึ่งวิ่งหนีมาสุดชีวิต จึงร้องถามว่า "วิ่งหนี อะไรมา" มันทั้งวิ่ง ทั้งร้องตอบว่า อย่าพึ่งถามเลย รีบวิ่งหนีเร็ว เพราะแผ่น ดินถล่มแล้ว" กระต่ายจำนวนเป็นพันต่างก็รีบวิ่งหนีตายตามมันไปด้วย เพราะสำคัญว่าแผ่นดินถล่มแล้ว และเป็นเหตุให้สัตว์ป่าชนิดอื่นๆ มีโค กระบือ เสือ ช้าง ม้า เป็นต้น เมื่อทราบข่าว ต่างก็วิ่งหนีตามกระต่ายไป เป็นจำนวนมากมาย พระโพธิสัตว์ ซึ่งเป็นราชสีห์ เห็นสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้นวิ่งตามๆ กันไป จึงร้องถามไปว่า วิ่งหนีอะไรมา สัตว์เหล่านั้นต่างก็ตอบว่า วิ่งหนีตาย เพราะแผ่นดินถล่ม แล้วพากันวิ่งต่อไป จนเกือบถึงหน้าผาโดยไม่รู้ตัวเลย พระโพธิสัต์ ด้วยความกรุณาในหมู่สัตว์เหล่านั้น กลัวว่าจะตกหน้าผาตายกันหมด จึงวิ่งไปดักหน้าพร้อมกับคำรามเสียงดังลั่นขึ้น ๓ ครั้ง สัตว์ทั้งหลายพอได้ยินเสียง ของพระโพธิสัตว์ก็พากันตกใจกลัว พากันหยุดนิ่ง
พระโพธิสัต์ ถามว่า "ใคร เห็นแผ่นดินถล่มบ้าง" พวกสัตว์ก็ตอบพาดพิงถึงสัตว์ประเภทต่างๆ มี ช้าง เสือ เป็นต้น ว่า เป็นผู้เห็นแผ่นดินถล่ม จนท้ายที่สุดมาจบ ลงที่ กระต่ายตัวนั้น พระโพธิสัตว์จึงถามกระต่ายตัวนั้น กระต่ายก็ตอบตามที่ ตนเองกำลังนอนพักผ่อนอยู่ใต้ใบตาล ก็มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น จึงวิ่งหนีไป ด้วยสำคัญว่าแผ่นดินถล่ม พระโพธิสัตว์ คิดว่า ไม่มีแน่ที่แผ่นดินจะถล่ม ต้องมีอะไรสักอย่างเกิดขึ้นจน เป็นเหตุให้กระต่ายตัวนี้สำคัญว่าแผ่นดินถล่มเป็นแน่ จึงบอกให้สัตว์เหล่านั้น รออยู่ตรงนั้นก่อน ส่วนตัวเอง กับ กระต่าย ก็ได้ไปยังที่เกิดเหตุ พระโพธิสัตว์ เห็นผลมะตูมสุก หล่นอยู่ ก็ทราบได้ทันทีว่า เพราะผลมะตูมหล่นลงกระทบใบ ตาลแห้ง จึงทำให้กระตายสำคัญว่า แผ่นดินถล่ม จึงกลับมาบอกสัตว์เหล่านั้นว่า ไม่ต้องกลัวแล้ว เพราะที่กระต่ายสำคัญว่าแผ่นดินถล่ม นั้น ก็คือ ผลมะตูมสุก หล่น กระทบใบตาล นั่นเอง
สัตว์ทั้งหลายรอดชีวิตได้ ก็เพราะอาศัยความกรุณาและความเฉลียวฉลาด ของพระโพธิสัตว์
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...