เหตุผลที่คนทั่วไปกล่าวว่าไม่จำเป็นต้องศึกษาธรรม

 
Krisd
วันที่  13 เม.ย. 2557
หมายเลข  24713
อ่าน  2,755

เขากล่าวโดยยกตัวอย่างพระอริยสาวกในสมัยพุทธกาลที่บรรลุธรรมทั้งๆ ที่ไม่ได้ศึกษาธรรมเลยสักบทเดียว บางท่านฟังธรรมแค่ประโยคเดียวก็บรรลุ บางท่านบรรลุเพียงเพราะเห็นความไม่เที่ยงในสังขารคนโดยไม่ได้ศึกษาธรรม ไม่ได้เรียนธรรมเลย และยังยกเรื่องพระใบลานเปล่าที่เรียนธรรมมากรู้ธรรมมาก จึงเป็นเหตุให้บรรลุช้ากว่าคนอื่น อีกทั้งยังบอกอีกด้วยว่าพระที่บรรลุธรรมที่เขารู้จักนั้นไม่รู้หนังสือด้วยซ้ำและบรรลุธรรมด้วยการปฏิบัติสมาธิภาวนา จนเกิดดวงตาเห็นธรรม เห็นการเกิดดับ ผมอยากทราบว่าเหตุผลเหล่านี้เป็นความเห็นผิดหรือถูกอย่างไรครับ ผมไม่เชื่อที่เขาบอก แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเดี๋ยวนี้ใครๆ ก็เอาเหตุผลนี้มาอ้างกัน เหตุผลเหล่านี้ผมมักจะได้ยินเสมอๆ เวลาที่มีคนมาชวนผมไปปฏิบัติธรรมตามสำนักต่างๆ มักจะอ้างเรื่องเหล่านี้มาประกอบเสมอๆ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 13 เม.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ก่อนอื่นเราจะต้องเข้าใจครับว่า พระไตรปิฎก ที่เป็นหนังสือให้ศึกษากัน คือ อะไร

พระไตรปิฎก คือ พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่ทรงแสดงไว้ ทั้งพระวินัย พระสูตร และพระอภิธรรม ซึ่ง การบรรลุธรรมด้วยลักษณะ 3 อย่าง คือ พุทธเวไนย ธรรมเวไนย สาวกเวไนย

พุทธเวไนย คือ บุคคลที่ฟังพระธรรมจากพระพุทธเจ้าทรงแสดงเท่านั้น จึงจะบรรลุธรรมได้ ซึ่งก็ต้องเป็นบุคคลที่เกิดในสมัยพุทธกาล

สาวกเวไนย คือ บุคคลที่บรรลุธรรม เพราะอาศัยการฟังพระธรรม จากสาวก ของพระพุทธเจ้า

ธรรมเวไนย คือ บุคคลที่บรรลุธรรมเพราะอาศัยการศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า จึงจะบรรลุธรรม

การบรรลุธรรม คือ สภาพธรรมที่เป็นนามธรรมที่เป็นฝ่ายดีเกิดขึ้น นั่นคือ ปัญญาที่เกิดพร้อมแก่กล้า ก็สามารถบรรลุธรรมได้ ซึ่ง ปัญญาจะเกิดไม่ได้เลย ถ้าไม่ได้มาจากการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม เพราะฉะนั้น พระไตรปิฎก ถ้าเข้าใจง่ายๆ ก็คือพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั่นเอง ดังที่พระพุทธพจน์ที่ว่า ปาพจน์ คือคำสอนของเรา เป็นศาสดาแทนพระองค์ ดังนั้นผู้ที่บรรลุธรรมโดยได้ฟังจากพระพุทธเจ้าเท่านั้น คือ พุทธเวไนย ท่านก็ต้องได้ฟังพระธรรมจากพระพุทธเจ้าทรงแสดง ก็คือ เหมือนได้อ่าน ได้ฟัง ศึกษาพระไตรปิฎก เพราะพระไตรปิฎก ก็คือ พระธรรมที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้า ผู้ที่รับฟังพระธรรมจากพระพุทธเจ้าทรงแสดง ก็เหมือนการอ่านพระไตรปิฎกให้ผู้นั้นรับฟัง ครับ ส่วน ผู้ที่บรรลุโดยสาวกเวไนยคือ จากที่สาวกแสดงธรรม ก็คือ แสดงธรรมจากพระพุทธเจ้าทรงแสดงนั่นเอง ก็เปรียบเหมือนการอ่านพระไตรปิฎก ที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าให้ผู้อื่นฟังครับ และ ผู้ที่บรรลุด้วยการศึกษาพระไตรปิฎก คำสอนของพระพุทธเจ้า คือ ธรรมเวไนย อันนี้ก็ชัดเจนครับ ว่าจะต้องศึกษา พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ครับ

ที่สำคัญเรามองในสมัยพุทธกาลว่า ไม่ต้องศึกษาคัมภีร์ เป็นเล่มมากๆ มีการศึกษาพระไตรปิฎก ก็บรรลุธรรมแล้ว เพราะท่านเหล่านั้นสะสมปัญญามามากแล้วในอดีตชาติ จึงจะบรรลุธรรมได้อย่างรวดเร็ว แต่หากได้อ่านอดีตชาติของพระสาวกเหล่านั้นจะรู้ว่า ท่านต้องอบรมปัญญา บารมี มานับชาติไม่ถ้วนเป็นระยะเวลายาวนานมาก ดังนั้น ท่านก็ต้องเริ่มจากความไม่รู้ รู้น้อย แต่ก็ต้องได้ฟัง ได้ศึกษาคำสอนจากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ที่เรียกว่า พระไตรปิฎก มาแล้ว นับชาติไม่ถ้วน ไม่ใช่ท่านเหล่านั้น ไม่ศึกษาพระไตรปิฎก ไม่ฟังพระธรรมแล้วจะมาบรรลุในชาตินี้อย่างรวดเร็วไม่ได้เลย ครับ ดังนั้น เมื่อมองโดยระยะเวลาการอบรมปัญญาอย่างยาวนาน ผู้ที่จะบรรลุธรรมก็ต้องได้ศึกษา พระไตรปิฎกที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าและได้ฟังพระธรรมจากพระพุทธเจ้าในอดีตมาแล้ว มากมาย จึงจะบรรลุธรรมได้ ครับ

ส่วนประเด็นที่กล่าวว่ามีผู้ที่รู้ว่ามีคนบรรลุเป็นพระอรหันต์มากมายในปัจจุบัน โดยไม่ต้องศึกษาตำรา มีพระไตรปิฎก เป็นต้น ซึ่งในความเป็นจริง หากไม่มีปัญญาด้วยตนเองย่อมคิดเดาเองเองว่าเป็นอย่างนั้น แต่ที่ถูกต้องแล้วไม่เป็นอย่างนั้น เพราะไม่ได้เป็นไปตามหนทางที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงเลย ครับ

สัตว์โลกก็สะสมตามความคิดของตนเอง ประโยชน์ ไม่ได้อยู่ที่ใครจะเป็นพระอรหันต์ แต่สำคัญที่ตนเอง มีความเข้าใจหนทางที่จะเป็นพระอรหันต์ถูกต้องหรือไม่ คือ เข้าใจหนทางการอบรมปัญญาของตนเองถูกต้องหรือไม่ หากยังไม่เข้าใจ ก็ไม่ต้องกล่าวถึงการจะรู้ว่าใครเป็นพระอรหันต์ เพราะไม่ได้เป็นประโยชน์กับตนเอง ครับ ดังนั้นสำคัญที่สุดคือ เข้าใจหนทางการอบรมปัญญาที่เป็นหนทางในการถึงความเป็นพระอรหันต์ให้ถูกต้องครับ ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ

การอบรมเจริญปัญญาขาดปริยัติไม่ได้ ไม่ใช่จะไปปฏิบัติเลย

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 13 เม.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ถ้าจะถามให้ได้คิดพิจารณา ว่า คนในโลกนี้ ผู้ที่ได้ฟังพระธรรม กับ ผู้ที่ไม่ได้ฟังพระธรรม อย่างไหนมีมากกว่ากัน? ก็ต้องเป็น ฝ่ายที่ไม่ได้ฟังพระธรรมมีมากกว่า นั่นก็หมายความว่า ไม่ได้สะสมอุปนิสัยในการฟังพระธรรมมา ไม่เคยเห็นประโยชน์ของการได้เข้าใจความจริง เมื่อไม่เห็นประโยชน์ของการเข้าใจความจริงแล้ว ก็ย่อมจะไม่มีความเข้าใจถูกเห็นถูกในสภาพธรรมที่กำลังมีกำลังปรากฏในขณะนี้ได้เลย จึงมีความคิด มีความประพฤติเป็นไปตามความเห็นผิดที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงของสภาพธรรม ความคิดที่ว่า ไม่จำเป็นต้องศึกษาธรรม นั่นไม่ใช่ความเห็นของผู้ที่มีความเข้าใจธรรม ไม่ตรงตามความเป็นจริงอย่างแน่นอน

การรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ถึงความเป็นพระอริยบุคคลในระดับขั้นต่างๆ ในฐานะที่เป็นสาวก นั้น ล้วนแล้วแต่ได้ฟังความจริง ที่เป็นพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ไม่ใช่ว่าไม่เคยฟังพระธรรมมาเลยแล้วได้บรรลุ เป็นไปไม่ได้เลย และที่สำคัญ การรู้แจ้งอริยสัจจธรรม เป็นเรื่องของปัญญา ไม่ใช่ความเห็นผิด

พระอริยสงฆ์สาวกในอดีต อย่างเช่น ท่านพระสารีบุตร ก่อนที่ท่านจะได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระโสดาบันนั้น ก่อนหน้านั้นท่านไม่ได้เป็นพระอริยบุคคลและไม่สามารถที่จะทราบได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เพราะธรรมเกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย แต่เพราะการสะสมบารมีมาพร้อมแล้ว เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม ท่านได้ฟังพระธรรมที่ท่านพระอัสสชิ แสดง ซึ่งแสดงถึงความเป็นจริงของสภาพธรรมที่เป็นนามธรรมและรูปธรรม ซึ่งเกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไปในที่สุด เป็นเหตุให้ท่านได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมเป็นพระโสดาบัน

กล่าวได้ว่าพระอริยสาวกทั้งหลาย ต้องได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมมาแล้วทั้งนั้น กว่าที่ท่านจะถึงวันดังกล่าวนั้นได้ ท่านก็ต้องเป็นผู้ได้สะสมการสดับตรับฟังพระธรรม สะสมปัญญามาเป็นเวลาอันยาวนาน ด้วยกันทั้งนั้น จึงเป็นเครื่องเตือนใจที่ดี สำหรับผู้ที่มีโอกาสได้ฟังได้ศึกษาพระธรรม โดยเป็นผู้เห็นประโยชน์ของพระธรรม ว่า ไม่ควรที่จะท้อถอย ยิ่งยากก็ยิ่งจะต้องศึกษา เพราะปัญญาไม่สามารถจะเจริญขึ้นได้ภายในระยะเวลาอันสั้นต้องค่อยๆ ฟังค่อยๆ ศึกษาไปตามลำดับ เพียงแค่วันนี้ พรุ่งนี้ หรือ ชาตินี้ ยังไม่พอ ต้องสะสมความเข้าใจต่อไปอีกเป็นเวลาอันยาวนาน เพราะฉะนั้น ในแต่ละภพในแต่ละชาติ มีชีวิตอยู่ก็เพื่อได้ฟังพระธรรม ได้สะสมอบรมเจริญปัญญา เพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูกยิ่งขึ้น เพราะเหตุว่าการรู้แจ้งอริยสัจจธรรม เป็นเรื่องที่ไกลมาก ซึ่งกว่าจะถึงวันนั้นได้ก็ต้องมีวันนี้ คือ ไม่ขาดการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมสะสมปัญญาต่อไป ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 14 เม.ย. 2557

สาวกแปลว่าผู้ฟัง แม้ท่านพาหิยะ ได้ฟังธรรมสั้นๆ ก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ เพราะในอดีตท่านได้ทำกุศลและตั้งความปรารถนาเป็นผู้เลิศด้านบรรลุเร็ว ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
nopwong
วันที่ 16 เม.ย. 2557

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Krisd
วันที่ 17 เม.ย. 2557

ขออนุโมทนาครับ

กราบอนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ