รักที่ประกอบด้วยปัญญา

 
นิ้ง
วันที่  21 เม.ย. 2557
หมายเลข  24746
อ่าน  1,601

รักที่ประกอบด้วยปัญญาเป็นอย่างไรคะ?


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 21 เม.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ปัญญาตามที่ชาวโลกเข้าใจ กับ ปัญญาในพระพุทธศาสนา แตกต่างกันสิ้นเชิง ปัญญาเป็นสภาพธรรมที่ดีงาม เพราะฉะนั้น โดยมากแล้ว จะต้องเกิดกับกุศลจิตที่เป็นไปในทาน ศีล ภาวนา เพราะฉะนั้น การคิดถูกทางโลก เช่น มองโลกในแง่ดี มองโลกด้วยเหตุผล ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นปัญญาในพระพุทธศาสนา ปัญญา เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นความเข้าใจถูกเห็นถูก ไม่ว่าจะเป็นในระดับใด ความเป็นจริงของปัญญา ก็จะไม่เปลี่ยน คือ เข้าใจถูกเห็นถูก ตามความเป็นจริง ปัญญามีหลายระดับ ทั้งในความเข้าใจถูกเห็นถูกในเรื่องกรรมและผลของกรรม

ปัญญาในขั้นของการฟัง ปัญญาที่เป็นไปกับการอบรมเจริญความสงบของจิต ปัญญาในขั้นสติปัฏฐานระลึกรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ปัญญาในระดับที่เป็นวิปัสสนาญาณขั้นต่างๆ ปัญญาในขั้นที่เป็นโลกุตตระ ที่เกิดร่วมกับมรรคจิตและผลจิต นี้ คือ ความเป็นจริงของปัญญา (ความเข้าใจถูกเห็นถูก)

เพราะฉะนั้น ปัญญาจึงเป็นเรื่องของความเห็นถูกตามความเป็นจริง ส่วนความรักทางโลกก็อาจมีความหมายแคบ และ ไม่ตรงตามสัจจะ หากแต่ว่า ความรักที่ดี ที่เป็นกุศลธรรม คือ เมตตา ความเป็นมิตร เป็นเพื่อน รักโดยไม่ติดข้อง แต่เป็นมิตร ให้ความหวังดีทั้งทางกาย วาจาและใจ ความรักทางโลกที่หวังดี แต่ติดข้อง ไม่ใช่ความรักที่ดีแต่เป็นโลภะ ที่เป็นอกุศลธรรม เพราะฉะนั้น ความรักที่เป็นความติดข้อง ต้องการ ไม่มีปัญญาแน่นอน เพราะ ปัญญาจะไม่เกิดกับโลภะเลย

ความรักที่ประกอบด้วยปัญญา คือ เมตตา ที่เป็นสภาพธรรมที่ดีเกิดร่วมกับปัญญา ความเห็นถูกในขณะนั้น ขณะนั้นเป็นความรักที่ประกอบด้วยปัญญา ไม่มีความติดข้องต้องการเลย มีแต่เป็นมิตรเป็นเพื่อนเพราะ มีความเข้าใจถูก คือ มีปัญญาในขณะนั้น ด้วยความคิดถูกตามระดับของปัญญา เช่น สัตว์รักชีวิต มีกรรมเป็นของของตน ตัวเราก็รักชีวิต คนอื่นก็รักชีวิต จึงมีเมตตาไม่เบียดเบียน จึงเป็นความรักที่มีปัญญาเป็นเหตุ อันเกิดจากความคิดถูกตามความเป็นจริง และ ความรักที่ประกอบด้วยปัญญา เพราะ มีความเข้าใจว่าเป็นแต่เพียงธรรม ทั้งนั้น จึงหวังดี เมตตากับสัตว์ทุกเหล่า ทุกคนโดยเสมอกัน และ ไม่ติดข้อง ครับ เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นความรักที่มีปัญญาแล้ว จะไม่นำมาซึ่งทุกข์เลย เพราะเป็นสภาพธรรมที่ดีงาม ครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 21 เม.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

โลภะ เป็นความติดข้องต้องการ เป็นกุศลธรรมประการหนึ่ง เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ตราบใดที่ยังไม่ได้เป็นพระอรหันต์ ก็ยังไม่ปราศจากโลภะ เพราะพระอรหันต์เท่านั้นที่จะดับโลภะได้อย่างเด็ดขาด ไม่มีโลภะเกิดขึ้นอีก

โลภะ ไม่ว่าจะเกิดกับใคร และติดข้องในอะไร ก็เป็นโลภะ ไม่เปลี่ยนแปลงลักษณะ กุศลก็ต้องเป็นกุศล กุศลจะเป็นกุศลไม่ได้ หรือ กุศลจะเป็นกุศล ก็ไม่ได้ เพราะเป็นธรรม คนละประเภทกันและเกิดร่วมกันไม่ได้ด้วย

ที่ควรพิจารณาเป็นอย่างยิ่ง คือ ความติดข้อง เป็นกุศล นำมาซึ่งทุกข์ แต่ถ้าเป็นเมตตาแล้วจะไม่เป็นทุกข์เลย เพราะขณะนั้นเป็นกุศล มีแต่ความหวังดี ความปรารถนาดีต่อกัน ไม่เจือปนด้วยกุศล และ ไม่ว่าจะเป็นโลภะ หรือเป็น เมตตา ปัญญาก็สามารถเข้าใจถูกเห็นถูกตามความเป็นจริงได้ว่า เป็นธรรมไม่ใช่เรา สำคัญที่จะต้องเริ่มที่การฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 21 เม.ย. 2557

เมตตา คือ ความเป็นมิตร เป็นเพื่อน หวังดี เกื้อกูล แต่ต้องมีปัญญาถึงจะมีมากได้ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
นิ้ง
วันที่ 21 เม.ย. 2557
อ้างอิงจาก : หัวข้อ 24746 ความคิดเห็นที่ 1 โดย paderm

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ปัญญาตามที่ชาวโลกเข้าใจ กับ ปัญญาในพระพุทธศาสนา แตกต่างกันสิ้นเชิง

ปัญญาเป็นสภาพธรรมที่ดีงาม เพราะฉะนั้น โดยมากแล้ว จะต้องเกิดกับกุศลจิต

ที่เป็นไปในทาน ศีล ภาวนา เพราะฉะนั้น การคิดถูกทางโลก เช่น มองโลกในแง่ดี

มองโลกด้วยเหตุผล ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นปัญญาในพระพุทธศาสนาปัญญา เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นความเข้าใจถูกเห็นถูก ไม่ว่าจะเป็นในระดับใดความเป็นจริงของปัญญา ก็จะไม่เปลี่ยน คือ เข้าใจถูกเห็นถูก ตามความเป็นจริง

ปัญญามีหลายระดับ ทั้งในความเข้าใจถูกเห็นถูกในเรื่องกรรมและผลของกรรม

ปัญญาในขั้นของการฟัง ปัญญาที่เป็นไปกับการอบรมเจริญความสงบของจิตปัญญาในขั้นสติปัฏฐานระลึกรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ปัญญาในระดับที่เป็นวิปัสสนาญาณขั้นต่างๆ ปัญญาในขั้นที่เป็นโลกุตตระ ที่เกิดร่วมกับมรรคจิตและผลจิต นี้ คือ ความเป็นจริงของปัญญา (ความเข้าใจถูกเห็นถูก)

เพราะฉะนั้น ปัญญาจึงเป็นเรื่องของความเห็นถูกตามความเป็นจริง ส่วนความรักทางโลกก็อาจมีความหายแคบ และ ไม่ตรงตามสัจจะ หากแต่ว่า ความรักที่ดี ที่เป็นกุศลธรรม คือ เมตตา ความเป็นมิตร เป็นเพื่อน รักโดยไม่ติดข้อง แต่เป็นมิตร ให้ความหวังดีทั้งทางกาย วาจาและใจ ความรักทางโลกที่หวังดี แต่ติดข้อง ไม่ใช่ความรักที่ดีแต่เป็นโลภะ ที่เป็นอกุศลธรรม เพราะฉะนั้น ความรักที่เป็นความติดข้อง ต้องการ ไม่มีปัญญาแน่นอน เพราะ ปัญญาจะไม่เกิดกับโลภะเลย

ความรักที่ประกอบด้วยปัญญา คือ เมตตา ที่เป็นสภาพธรรมที่ดีเกิดร่วมกับปัญญา

ความเห็นถูกในขณะนั้น ขณะนั้นเป็นความรักที่ประกอบด้วยปัญญา ไม่มีความติดข้อง

ต้องการเลย มีแต่เป็นมิตรเป็นเพื่อนเพราะ มีความเข้าใจถูก คือ มีปัญญาในขณะนั้น

ด้วยความคิดถูกตามระดับของปัญญา เช่น สัตว์รักชีวิต มีกรรมเป็นของๆ ตน ตัวเราก็รักชีวิต คนอื่นก็รักชีวิต จึงมีเมตตาไม่เบียดเบียน จึงเป็นความรักที่มีปัญญาเป็นเหตุ

อันเกิดจากความคิดถูกตามความเป็นจริง และ ความรักที่ประกอบด้วยปัญญา เพราะ มีความเข้าใจว่าเป็นแต่เพียงธรรม ทั้งนั้น จึงหวังดี เมตตากับสัตว์ทุกเหล่า ทุกคนโดยเสมอกัน และ ไม่ติดข้อง ครับ เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นความรักที่มีปัญญาแล้ว จะไม่นำมาซึ่งทุกข์เลย เพราะเป็นสภาพธรรมที่ดีงาม ครับ ขออนุโมทนา

โลกุตตระ คืออะไรคะ? :)

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
paderm
วันที่ 21 เม.ย. 2557

เรียนความเห็นที่ 4 ครับ

โลกุตตระ หมายถึง สภาพธรรมที่เหนือโลก โลก ในความเป็นจริง คือ สิ่งใดก็ตามที่เกิดขึ้นและดับไป เช่น จิต เป็นต้น อย่างขณะนี้ เห็น เป็นจิตที่เห็น แต่ จิตเห็นเกิดขึ้นและดับไป เพราะ ถ้าไม่ดับเลย ก็คงจะไม่ได้ยิน หรือเกิดจิตได้ยินเกิดขึ้น

เพราะฉะนั้น โลก คือสภาพธรรมที่เกิดดับ จิต เจตสิก รูป อย่าง รูป เช่น รูปที่ประชุมรวมกันเป็นภูเขา ก็เกิดดับ เสื่อมสลายไป อันนี้เรียกว่าโลก แต่ ถ้าเป็นโลกุตตระ คือ เหนือโลก ก็เป็นสภาพธรรมที่มีสิ่งที่เรียกว่า ไม่เกิดดับเลย เป็นสิ่งที่รู้ คือพระนิพพาน พระนิพพาน และ มรรคจิต ผลจิตที่มีพระนิพพาน ที่เป็นสภาพธรรมที่เที่ยง ไม่เกิดดับ เรียกว่า เหนือโลก คือ โลกุตตระ ครับ ขออนุโมทนา

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ