พระโพธิสัตว์คืออะไร ต่างกับพระอรหันต์อย่างไร
ขอให้ช่วยอธิบายให้ด้วยครับ ไม่ทราบว่าได้ยินมาถูกต้องหรือไม่ที่ว่า พระโพธิสัตว์นั้นไม่ค่อยเข้าใจธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ขออนุโมทนาสาธุ.....ครับ
พระโพธิสัตว์ หมายถึง ผู้ที่บำเพ็ญบารมี เพื่อการตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือจะตรัสรู้เป็น พระพระปัจเจกพุทธเจ้า หรือจะตรัสรู้เป็นพุทธสาวกอย่างใดอย่างหนึ่ง พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ในช่วงที่ท่านบำเพ็ญบารมีอยู่นั้น ท่านจะสะสมบารมี ตามควรแก่อัตตภาพ คือ ในสมัยนอกพุทธกาล ท่านย่อมสะสมบารมี เช่น ทาน ศีล เนกขัมมะ เจริญสมถภาวนา แต่ในสมัยที่พบ พระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ ท่านย่อมฟังธรรมศึกษาพระธรรมวินัย เจริญทั้งศีล สมาธิ ปัญญา ทั้งสมถะและวิปัสสนา ส่วนคำว่าพระอรหันต์ หมายถึง ผู้ที่ตรัสรู้ธรรม ละกิเลสได้ทั้งหมด ได้แก่ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันตสาวก สรุป พระอรหันต์ คือ ผู้ที่บรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคล ส่วนพระโพธิสัตว์ ยังเป็นปุถุชนอยู่ แต่เป็นผู้ที่จะตรัสรู้ในอนาคต
ท่านอาจารย์สุจินต์ "...ก่อนที่จะได้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ชีวิตของพระโพธิสัตว์ก็คือชีวิตของผู้ที่ยังไม่ได้ดับกิเลส ถ้าพูดถึงคนที่ยังไม่ได้ดับกิเลสเลย ก็ลองคิดดูว่ากิเลสจะมีมากสักเพียงไหน ทั้งโลภะ ทั้งโทสะ ทั้งริษยา ทั้งความสำคัญตน ความถือตน ความลบหลู่ ฯลฯ ทุกอย่างต้องมีมากทีเดียว แต่ว่าทำไมพระองค์จึงเป็นพระโพธิสัตว์ ในขณะที่ผู้อื่นไม่เป็น ก็เพราะเหตุว่าพระองค์มีการพิจารณาสิ่งที่มีในขณะนั้นด้วยความแยบคายว่า มาจากไหน.. คืออะไร.. และเกิดขึ้นได้อย่างไร.. เราเกิดมานี้ มีตัวของเราตั้งแต่ศรีษะตลอดเท้า เหมือนกับเป็นสมบัติของเรา ได้มาโดยไม่ต้องไปเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย หมายความว่า เมื่อเกิดมาก็มีแล้ว และก็ยึดถือเอาไว้ด้วยว่าเป็นของเรา แต่ว่าพระโพธิสัตว์คิด พิจารณาว่า สภาพธรรมเหล่านี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร แล้วก็เปลี่ยนแปลงอย่างไรไม่เที่ยง คือ ทุกคนเกิดมาที่จะไม่ให้แก่ ไม่ให้เจ็บ ไม่ให้ตาย ไม่ให้สุขบ้าง ไม่ให้ทุกข์บ้าง เป็นไปไม่ได้เลย
เพราะฉะนั้น ต้องมีเหตุที่จะทำให้สภาพธรรมเหล่านี้เกิดขึ้น นี่คือ ผู้ที่เป็นพระโพธิสัตว์ที่จะพิจารณาค้นคว้าสัจธรรม ซึ่งกว่าจะได้ตรัสรู้ประจักษ์แจ้งลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริงว่า เกิดขึ้นแล้วก็ดับไปอย่างรวดเร็วที่สุด ก็ต้องอาศัยการบำเพ็ญพระบารมีครบถ้วน ถึง ๔ อสงไขย แสนกัป สำหรับผู้ที่มีปัญญายิ่ง แต่ถ้าเป็นผู้ที่มีศรัทธานำหน้า ปัญญาน้อยกว่า ก็ต้องใช้เวลาถึง ๘ อสงไขย แสนกัป แต่ถ้าเป็นผู้ที่ศรัทธาก็ไม่มาก ปัญญาก็ไม่มาก ต้องอาศัยวิริยะ ก็ต้องบำเพ็ญบารมีถึง ๑๖ อสงไขย แสนกัป
แต่สำหรับเราชาวพุทธ โชคดีที่ว่า ได้มีโอกาสเกิดในสมัยที่พระธรรมคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไม่เสื่อม ยังไม่ลบเลือน ยังไม่สูญไป เพราะเหตุว่าพระไตรปิฎกและอรรถกถายังครบสมบูรณ์"