ถ้าต้องใช้กรรมทั้งหมดในอดีต ก็คงไม่ต้องออกจากสังสารวัฏฏ์
เรียนอาจารย์ทั้งสองท่าน
"ถ้าต้องใช้กรรมทั้งหมดในอดีต ก็คงไม่ต้องออกจากสังสารวัฏฏ์" พจนาของท่านอาจารย์ (ถ้าผิดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ) หมายความว่าอย่างไรครับ ขอความอนุเคราะห์จากอาจารย์ช่วยอธิบายด้วยครับ ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ก่อนอื่นเข้าใจคำว่า กรรม ก่อนครับ กรรม คือ เจตนาที่เป็นไใปนกุศลกรรม หรืออกุศลกรรม ส่วนคำว่า ชดใช้กรรม หมายถึง กรรมที่ให้ผล โดยมุ่งหมายถึง วิบาก นั่นเอง เพราะฉะนั้น เมื่อมีการกระทำกรรม ก้ต้องมีผลของกรรม เกิดวิบากได้ เมื่อเหตุปัจจัยที่จะทำให้เกิดผลของกรรม ครับ
ซึ่งจากประโยคที่ว่า
"ถ้าต้องใช้กรรมทั้งหมดในอดีต ก็คงไม่ต้องออกจากสังสารวัฏฏ์"
คำนี้หมายถึง ถ้าหากว่า เมื่อมีการทำกรรมแล้ว จะต้องให้ผลเสมอ ก็ไม่มีทางที่จะพ้นจากสังสารวัฏฏ์ได้ เพราะฉะนั้น เมื่อมีการทำกรรมแล้ว ไม่ต้องให้ผลเสมอไป แต่ จะต้องอาศัยเหตุปัจจัยที่สมควร เพราะหากพิจารณาความจริงแล้ว การชดใช้กรรม ที่เป็นวิบาก ความจริงก็คือ จิต เจตสิก ที่เกิดขึ้น ทำกิจหน้าที่เป็นผลของกรรม เช่น ปฏิสนธิจิต การเกิด เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้กระทบสัมผัส เป็นต้น ล้วนแล้วแต่เป็นสภาพธรรมที่เป็น จิต เจตสิก เพราะฉะนั้น หากไม่มีการเกิดขึ้นของจิต เจตสิก ก็จะไม่มีการชดใช้กรรม ไม่มีวิบากอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นเหตุปัจจัยที่จะทำให้เกิดวิบาก เกิดจิต เจตสิกที่แท้จริง คือ กิเลสที่มีอยู่ เพราะฉะนั้น หากว่า ต้องชดใช้กรรมในอดีต คือ เกิดวิบากตลอด ก็ไม่พ้นจากสังสารวัฏฏ์ แต่ตามที่อธิบาย เมื่อสิ้นกิเลส ไม่มีการเกิดขึ้นของ จิต เจตสิกที่เป็นวิบาก คือ พระอรหันต์ที่ดับขันธปรินิพพาน เมื่อมีการเกิดขึ้นของสภาพธรรม วิบากก็ไม่สามารถเกิดได้ แม้จะมีกรรมในอดีตที่ทำมามากมาย แต่ กรรมนั้นไม่ให้ผลก็ได้ เพราะ ไม่มีการเกิดขึ้นของ สภาพธรรมใดๆ อีกแล้วนั่นเอง ครับ
ตราบใดที่ยังไม่ได้อบรมเจริญปัญญาจนถึงความเป็นพระอรหันต์ ก็ยังไม่พ้นไปจากการกระทำกรรม และการได้รับผลของกรรม ถึงแม้จะได้บรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว แต่ถ้ายังไม่ดับขันธปรินิพพาน กรรมในอดีตก็ยังมีโอกาสให้ผลได้ จนกว่าจะถึงกาลที่ปรินิพพาน เมื่อดับขันธปรินิพพานแล้ว ไม่มีการเกิดอีกในสังสารวัฏฏ์ ไม่ต้องมีการกระทำกรรมและการได้รับผลของกรรมอีกต่อไป ดังนั้น ถ้ายังมีการเวียนว่ายตายเกิดอยู่ย่อมไม่พ้นจากการกระทำกรรม ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ตามการสะสมของแต่ละบุคคล และไม่พ้นไปจากการได้รับผลของกรรมในชีวิตประจำวันในขณะที่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสทางกาย ที่น่าปรารถนาบ้าง ไม่น่าปรารถนา ตามสมควรแก่กรรมที่ได้กระทำแล้ว ในอดีต การอบรมเจริญปัญญาเท่านั้น ที่จะเป็นไป เพื่อสิ้นกรรม และสิ้นการได้รับผลของกรรม ครับ ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ประโยชน์อยู่ที่ความเข้าใจ การกระทำ, กรรม มีทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว ผลจึงต่างกัน กล่าวคือ กรรมดีให้ผล ที่ดี ทำให้มีความสุข ส่วนกรรมชั่วให้ผลที่ไม่ดี ทำให้มีความทุกข์ เมื่อทำกรรมสำเร็จแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกรรมในชาตินี้หรือกรรมในชาติก่อนๆ ที่ผ่านมา เมื่อถึงคราวให้ผล ย่อมให้ผลตามฐานะของกรรม นั้นๆ ตราบใดก็ตามที่ยังไม่สามารถดับเหตุที่ทำให้มีการเกิดได้ ก็ยังไม่พ้นจากการกระทำกรรม ที่เป็นบุญบ้าง บาปบ้าง และไม่พ้นจากการได้รับผลของกรรม แต่มีหนทางที่เป็นไปเพื่อการสิ้นกรรมทั้งหมดได้ นั่นก็คือ การอบรมเจริญปัญญาจนบรรลุเป็นพระอรหันต์ ดับขันธ์ปรินิพพาน (ตาย) ไม่ต้องเกิดอีกในสังสารวัฏฏ์ เมื่อไม่เกิด จึงไม่มีการได้รับผลของกรรมใดๆ อีกเลย หรือ ถ้ายังไม่ถึงพระอรหันต์ แม้เป็นพระโสดาบัน โลกุตตรกุศลกรรม เกิดขึ้น ก็ตัดรอนอดีตกรรมอันเป็นอกุศลกรรมที่จะเป็นเหตุนำเกิดในอบายภูมิ ได้ ไม่ต้องไปเกิดในอบายภูมิ เรื่องกรรม และ การให้ผลของกรรม เป็นเรื่องที่ละเอียดมาก ซึ่งจะต้องค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ สะสมความเข้าใจไปทีละเล็กทีละน้อย ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...