เรื่องที่ห้ามนำมาล้อเลียน
เรื่องที่พระพุทธเจ้าทรงห้ามนำมาล้อเลียน มีอะไรบ้างครับ
ขอนอบน้อมแ่ด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเกี่ยวกับเรื่องการพูดมีมากมาย เพื่อเป็นเครื่องเตือนสำหรับผู้ที่มีโอกาสได้ศึกษาว่า สิ่งใดควรพูด สิ่งใด ไม่ควรพูด เพราะพระธรรมเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องเตือนที่ดี คำพูดใดที่พูดไปแล้วทำให้กิเลสอกุศลเกิดมากยิ่งขึ้น ก็ไม่ควรพูด ซึ่งเป็นคำพูดที่เป็นประโยชน์ทั้งคนพูดและคนฟัง ในทางตรงกันข้ามคำพูดใดที่พูดไปแล้วก่อให้เกิดประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นขอกุศลธรรม นั่นเป็นคำที่ควรพูด
ซึ่งจะพิจารณาจากองค์ประกอบของวาจาที่ดี ว่า จะต้องเป็นคำจริง เป็นถ้อยคำที่อ่อนหวาน เป็นถ้อยคำที่ประกอบด้วยประโยชน์ กล่าวถูกกาละ และ เป็นคำพูดที่ประกอบด้วยเมตตาจิต มุ่งประโยชน์แก่ผู้ฟังเป็นคำคัญ
สำหรับการพูดล้อเลียนนั้น พิจารณาได้ว่าเป็นเพราะอกุศลแน่ๆ จึงทำให้มีคำพูดเช่นนั้นออกไป ถ้าเป็นกุศลจิตแล้วจะไม่มีคำพูดอย่างนั้นเลย และควรที่จะได้พิจารณาว่า ตนเองไม่ชอบคำพูดอย่างใด คนอื่นเขาก็ไม่ชอบเหมือนกัน จึงไม่ควรกล่าวถ้อยคำที่จะทำให้ผู้อื่นเจ็บช้ำน้ำใจ รวมไปถึงคำพูดที่ไม่ควรทุกประเภทด้วย ทั้งคำเท็จ คำหยาบคาย คำส่อเสียด คำเพ้อเจ้อ อันเป็นวจีทุจริตเพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้า ไม่ได้มุ่งห้าม ว่าเป็นเรื่องอะไรที่ไม่ควรพูดล้อเลียน แต่ในความเป็นจริงแล้ว การพูดล้อเลียน ไม่ว่าเรื่องอะไร ก็ไม่ควรพูดทั้งนั้น เพราะเป็นอกุศลจิต เป็นอกุศลธรรม พระพุทธเจ้าทรงตำหนิอกุศลทุกประเภท เพราะฉะนั้น การพูดล้อเลียนไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ก็ไม่ควรพูดโดยประการทั้งปวง ครับ
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ หน้าที่ ๔๔๒
๓. สุตสูตร
(ว่าด้วยสิ่งที่ควรกล่าวและไม่ควรกล่าว)
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนพราหมณ์ เราไม่กล่าวสิ่งที่เห็นทั้งหมดว่า ควรกล่าว และไม่กล่าวสิ่งที่เห็นทั้งหมดว่า ไม่ควรกล่าว เราไม่กล่าวสิ่งที่ได้ฟังทั้งหมดว่า ควรกล่าว และไม่กล่าวสิ่งที่ได้ฟังทั้งหมดว่า ไม่ควรกล่าว เราไม่กล่าวสิ่งที่ทราบทั้งหมดว่า ควรกล่าว และไม่กล่าวสิ่งที่ทราบทั้งหมดว่า ไม่ควรกล่าว เราไม่กล่าวสิ่งที่รู้แจ้งทั้งหมดว่า ควรกล่าวและไม่กล่าวสิ่งที่รู้แจ้งทั้งหมดว่า ไม่ควรกล่าว ดูก่อนพราหมณ์ แท้จริงเมื่อบุคคลกล่าวสิ่งที่ได้เห็นอันใด ทำให้อกุศลธรรมเจริญขึ้น กุศลธรรมเสื่อมไป เรากล่าวสิ่งที่ได้เห็น เห็นปานนั้นว่า ไม่ควรกล่าว แต่เมื่อบุคคลกล่าวสิ่งที่ได้เห็นอันใด ทำให้อกุศลธรรมเสื่อมไป กุศลธรรมเจริญขึ้น เรา กล่าวสิ่งที่ได้เห็น เห็นปานนั้นว่า ควรกล่าว
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ไม่มีพระธรรมแม้แต่บทเดียวที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ที่ส่งเสริมหรือสนับสนุนให้เกิดอกุศลแม้เพียงเล้กน้อย ก็ลองพิจารณาดูว่า ขณะที่ล้อเลียน จิต เป็นอะไร ไม่พ้นไปจากอกุศล เมื่อเป็นอกุศล แล้ว ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างแน่นอน
ตราบใดที่ยังไม่สามารถดับกิเลสใดๆ ได้เลย ชีวิตที่ดำเนินไปในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นกาย หรือวาจา หรือใจ ก็ย่อมประกอบไปด้วยกิเลสนานาประการ โลภะบ้าง โทสะบ้าง โมหะ บ้าง เป็นต้น อยู่ตราบนั้น เป็นไปด้วยอำนาจของกิเลสที่แต่ละบุคคลได้สะสมมา แม้ในเรื่องของการพูด ก็เช่นเดียวกัน ขณะใดคำพูดเป็นไปเพราะอกุศลจิต คำพูดเหล่านั้นจะเป็นวจีทุจริต ทั้งหมด
จะเห็นได้ว่า คำพูดที่พูดกันมีมากมาย ขอให้เริ่มพิจารณา สังเกตแม้คำพูดของตนเอง ให้ทราบว่าขณะนั้นเป็นเพราะอกุศลประเภทใด จึงทำให้คำพูดชนิดนั้นเกิดขึ้นในลักษณะต่างๆ อย่างนั้น การพูดด้วยอกุศลจิตไม่มีประโยชน์กับบุคคลใดทั้งสิ้น เป็นสิ่งที่ควรละเว้น ควรระลึกได้ว่าไม่ควรเลยที่จะกล่าว ควรกล่าวเฉพาะวจีสุจริต เท่านั้น เมื่อเป็นอย่างนี้ได้ การพูดด้วยกุศลจิต ก็จะมีมากขึ้น การพูดด้วยกุศลจิตทั้งหมดย่อมจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ฟัง พร้อมทั้งเป็นประโยชน์แก่ตนเองด้วยเพราะเหตุว่าในขณะนั้น กุศลธรรมเจริญขึ้น ไม่เบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่น
พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูก เป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลสของตนเองเป็นสำคัญ ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...