การระลึกถึงพุทธคุณ
ขอกราบเรียนถามว่า คนที่ไม่ได้ศึกษาพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอน (แค่เรียนพุทธประวัติ) เวลาที่ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า จะเป็นการระลึกที่ถูกต้องได้มั้ยคะ
การระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้ามีหลายระดับ ตามระดับปัญญาของผู้ที่เข้าใจธรรม แม้แต่การระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า หากได้อ่านพระพุทธประวัติ และมีศรัทธาเบื้องต้น ระลึกถึงพระคุณ ขณะนั้นก็เป็นกุศลจิต เป็นพุทธานุสติในเบื้องต้น ครับ
การที่จะระลึกถึงสิ่งใดได้ จะต้องรู้จักสิ่งนั้นเสียก่อน ดังนั้น ผู้ที่จะระลึกถึงพุทธคุณ อันได้แก่ พระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาคุณ จะต้องเป็นผู้ที่ได้ศึกษาและเข้าใจพระธรรมโดยละเอียด จึงจะรู้จักพระคุณเหล่านั้นอย่างถูกต้องครับ ซึ่งเป็นไปตามระดับของปัญญา ครับ ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นบุคคลผู้เลิศที่สุด ประเสริฐที่สุด กว่าที่พระองค์จะได้ตรัสรู้นั้น ทรงบำเพ็ญพระบารมีมาตลอดระยะเวลา สี่อสงไขยแสนกัปป์ ซึ่งเป็นเวลาที่นานมาก เมื่อได้ทรงตรัสรู้แล้ว ก็ทรงมีพระมหากรุณาที่จะเกื้อกูลสัตว์โลกด้วยการทรงแสดงพระธรรมให้ได้เข้าใจความจริง พระมหากรุณาคุณของพระองค์ที่มีต่อสัตว์โลก คือ ทรงแสดงพระธรรมให้สัตว์โลกได้เข้าใจตามความเป็นจริง จากที่สัตว์โลกเคยเป็นผู้มากไปด้วยกิเลสประการต่างๆ ก็สามารถที่ขัดเกลาละคลาย จนกระทั่งสามารถดับได้ตามลำดับขั้น ด้วยปัญญาอันเกิดจากการได้ฟังพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง
การที่จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ ก็ต้องด้วยปัญญาที่เข้าใจพระธรรม เท่านั้น แม้เมื่อครั้งที่พระองค์ยังไม่เสด็จดับขันธปรินิพพาน ก็มีทางเดียวเช่นเดียวกัน คือ ฟังพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง จึงสามารถรู้ได้ว่าบุคคลนี้ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะทรงแสดงสิ่งที่มีจริงที่ผู้อื่นไม่สามารถจะแสดงได้ ไม่สามารถตรึก นึก คิด ไตร่ตรองประมวลเองได้แม้แต่คนเดียว ไม่มีใครเลยที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นอกจากผู้ที่ได้อบรมเจริญบารมีมาอย่างสมบูรณ์ พร้อมที่จะตรัสรู้เป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใน ๒,๕๐๐ กว่าปีมานี้ ก็มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า พระสมณโคดม และถอยย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น ก็มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ และในกาลข้างหน้าก็จะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วย
พระคุณของพระพุทธเจ้า เมื่อประมวลแล้วสรุปรวมลงใน ๓ ประการ คือ
พระบริสุทธิคุณ (ทรงดับกิเลสทั้งหลายทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด ทรงมีความบริสุทธิ์ทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ)
พระปัญญาคุณ (ทรงมีพระปัญญาที่รู้สภาพธรรมทุกอย่างไม่มีเหลือ)
พระมหากรุณาคุณ (ทรงมีพระทัยประกอบด้วยเมตตาเกื้อกูลสัตว์โลก ด้วยการแสดงพระธรรม, ในแต่ละวัน พระองค์ทรงพักผ่อนน้อยมาก ส่วนใหญ่แล้วเป็นการบำเพ็ญประโยชน์ต่อสัตว์โลกทั้งปวง)
บุคคลผู้ที่เห็นประโยชน์ของพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง จึงมีการฟัง มีการศึกษา สะสมความเข้าใจไปตามลำดับ เมื่อศึกษาเข้าใจความจริงแล้ว ย่อมจะมีความซาบซึ้งมากขึ้นในพระคุณของพระพุทธองค์ ทั้งพระบริสุทธิคุณ พระปัญญาคุณ และ พระมหากรุณาคุณ ตามปัญญาของตนเอง ผู้ที่ขาดการฟัง ขาดการศึกษา ไม่มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ย่อมไม่สามารถที่จะเข้าใจถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า ได้เลย การได้ศึกษาพระพุทธประวัติ เข้าใจในเบื้องต้น ก็จะป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง ให้มีความเข้าใจถูกเห็นถูกยิ่งขึ้น ต่อไป ได้ ขอเพียงมีศรัทธา เห็นประโยชน์ของการได้เข้าใจความจริง ประโยชน์อยู่ที่ความเข้าใจถูกเห็นถูก ครับ.
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...