ทำกุศลที่ประกอบด้วยปัญญาหรือไม่
วันออกพรรษาที่ผ่านมาผมไปทำบุญที่วัดแถวบ้าน ที่วัดทำต้นกล้วยไว้ สำหรับให้ญาติโยมติดกัณฑ์เทศน์ และติดกระดาษพิมพ์อานิสงส์ของการทำบุญติด กัณฑ์เทศน์กัณฑ์นั้นๆ ผมอ่านไปพบที่กัณฑ์กุมารเขียนว่าอานิสงส์ของการทำบุญ กัณฑ์กุมารคือ จะได้พบพระพุทธเจ้าพระนามว่าพระศรีอารยเมตไตย ผมจึงติด กัณฑ์เทศน์ที่กัณฑ์นี้ และตั้งความปรารถนาให้ได้พบและเป็นสาวกของพระองค์ ผมขอเรียนถามว่า การกระทำแบบนี้เป็นการทำกุศลที่ครบองค์ ๓ (อโลภะ อโทสะ อโมหะ) ที่ประกอบด้วยปัญญาหรือไม่
เรื่องมหากุศลจิตเกิดขึ้นแต่ละครั้ง ประกอบด้วย เหตุ ๒ หรือ เหตุ ๓ เป็นเรื่องที่รู้ได้โดยยาก ต้องอาศัยสติสัมปชัญญะของผู้นั้นเท่านั้น โดยทั่วไป เราก็พออนุมานว่า การให้ทานโดยมีความเชื่อกรรมและผลของกรรม เป็นต้น ที่เป็นเหตุผลตามความเป็นจริง ชื่อว่าให้ทานประกอบด้วยปัญญา แต่ขณะ ให้ทานมีจิตเกิดดับสลับกันมากมาย เราคงไม่ทราบรายละเอียดของจิตในแต่ ละขณะได้ สำหรับกุศลขั้นภาวนา เช่น ขณะฟังพระธรรมแล้วเข้าใจ หรือขณะ ที่สติปัฏฐานเกิดรู้สภาพธรรมในขณะนั้น ย่อมเป็นมหากุศลที่มีเหตุ ๓ คือ อโลภะ อโทสะ อโมหะ เพราะฉะนั้น เพียงการติดกัณน์เทศน์ดัง กล่าว ไม่เป็นเหตุผลพอ ที่จะบรรลุเป็นพระอริยสาวกของพระพุทธเจ้าใน อนาคตได้ ต้องศึกษาพระธรรมและอบรมเจริญปัญญาในชาตินี้ จึงเป็น การประพฤติธรรมที่สมควรแก่การบรรลุเป็นพระอริยสาวกของพระพุทธเจ้าใน อนาคตได้
อีกอย่างหนึ่งการติดกัณน์เทศน์ (ถวายเงินกับพระ) เป็นประเพณีที่ขัดกับ พระวินัยของพระพุทธเจ้า พุทธบริษัทในสมัยครั้งพุทธกาลท่านไม่ทำเช่นนี้ โปรดพิจารณา
อนุโมทนาครับ
ผมขอแก้ไขความหมายของคำว่า สาวก ผมเข้าใจว่า ได้บรรพชาเป็นภิกษุเท่านั้น ไม่ต้องบรรลุมรรคผลก็ได้
อนุโมทนาครับ ท่านให้เหตุผลที่ดีมากครับ มีความศรัทธาเพิ่มครับ
ขณะที่ประกอบด้วยปัญญาต้องพิจารณาความถูกต้อง ดังนั้น ขณะที่ประกอบด้วยปัญญา ย่อมไม่ติดกัณน์เทศน์ด้วยเงิน เพราะผิดพระวินัย แต่นี้คือ ขั้นคิดนึก ถ้าจะรู้จริงๆ ก็คือ ขณะที่สติระลึกสภาพจิตในขณะนั้นครับ