วันฟ้าสางที่เวียดนามกลาง 4 มะม่วงหล่นที่เว้

 
kanchana.c
วันที่  6 มิ.ย. 2557
หมายเลข  24945
อ่าน  3,086

มะม่วงหล่นที่เว้

หลังจากรับประทานอาหารกลางวันที่ฮอยอัน ก็นั่งรถบัสพร้อมกับสหายธรรมเวียดนาม บางส่วนไปเว้ ระยะทางประมาณ 140 กม. แต่ใช้เวลาเดินทาง 3 – 4 ชั่วโมง เพราะต้องวิ่ง ด้วยความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. ตามกฎหมายกำหนด จากฮอยอันมาทางถนนเลียบหาด ทรายยาวเหยียด สองข้างทางร่มรื่นและสวยงามด้วยต้นมะพร้าวและโรงแรมน้อยใหญ่ รถ จอดรับคุณป๋องที่เดินทางจากกรุงเทพมาสมทบที่นี่ จากดานังรถเริ่มขึ้นภูเขาสูง ข้ามภูเขา หลายลูก มองทางขวาจะเห็นหาดทรายขาวโค้งเป็นรูปครึ่งวงกลมสวยงาม ทราบว่า หาด ทรายที่ดานังสวยติดอันดับ 1 ใน 6 ของโลก

คุณท้ายชี้ให้ดูหมู่ตึกสีขาวบนยอดเขาลูกหนึ่งว่า นั่นคือ บานาฮิล ที่เราจะแวะพักบนนั้น อีก 2 คืน ระหว่างทางมีการสนทนาธรรมระหว่างเวียดนามกับคุณซ่าร่าห์และคุณโจนาธาน ส่วนคนไทย ก็เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ข้างทาง และ สนทนากันเรื่องบ้านเมืองที่จากมา ด้วยความเป็นห่วงใยเพื่อนร่วมรบหน้าจอและในที่ชุมนุม เสียดายที่ไม่ได้อยู่ร่วมในวัน ชุมนุมใหญ่วันที่ 26 พ.ค. 57 ซึ่งหมายมั่นปั้นมือ ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของหลายสิบล้านคน แต่ทุกวันในฮอยอัน ก็ได้ติดตามข่าวที่สหายธรรมส่งผ่านทาง Line รู้ความคืบหน้า เกือบ ตลอดเวลา

มาถึงโรงแรมเฮืองยาง (แปลว่า แม่น้ำหอม) ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเฮือง เวลาใกล้ 4 โมงเย็น ยืนคอยเช็คอินใต้ต้นมะม่วงใหญ่หน้าโรงแรม สังเกตดูว่า เป็นมะม่วงไข่ต้นใหญ่มากที่ ออกลูกดก หลายลูกแก่สุกเหลือง มีลูกหนึ่งหล่นมาตรงหน้า พอดีกับมีข่าวจาก Line ว่า เมืองไทยปฏิวัติแล้ว ตรงตามทฤษฎีมะม่วงหล่นของอาจารย์ธีรยุทธ์ บุญมี พอดี เฮ้อ! โล่ง อกไปที อะไรๆ ก็ติดขัดไปหมด ทำอะไรก็ไม่ได้ มีแต่ผิดรัฐธรรมนูญ กลัวจะประทะกันด้วย กำลังทำให้มีคนไทยด้วยกันบาดเจ็บล้มตาย ให้ทหารมาดูแลความสงบก็ดีแล้ว ดีใจที่สุด ที่ทหารปฏิวัติ ขอบคุณค่ะที่มาทันเวลาพอดี

เมืองเว้เป็นเมืองหลวงเก่าของเวียดนามในสมัยราชวงศ์เหงียน พ.ศ. 2345 – 2488 (อายุน้อยกว่ากรุงเทพนิดหน่อย) ส่วนใหญ่จะเป็นป้อมปราการ พระราชวังหลวง และสุสาน จักรพรรดิ ที่หลงเหลือจากการถูกถล่มจากสงครามเวียดนาม ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลกในปี พ.ศ. 2536 เป็นเมืองที่เงียบสงบ มีแม่น้ำเฮืองไหลผ่าน (แม่น้ำเฮือง แปล ว่า แม่น้ำหอม เพราะตามลำน้ำปลูกสมุนไพร มีการต้มสมุนไพร แล้วนำเศษสมุนไพรที่ต้ม แล้วทิ้งลงแม่น้ำ ทำให้ตอนบ่ายๆ จะได้กลิ่นหอมสมุนไพรจากแม่น้ำ ตามคำบอกเล่าของ ไกด์ แต่ไปอยู่ 5 วัน ลืมสูดกลิ่นแม่น้ำหอม เลยไม่ทราบว่าหอมจริงหรือเปล่า สมุนไพรที่ว่า นี้ เป็นหญ้าใต้ต้นยูคาลิปตัส นำมาเคี่ยวจนได้เป็นน้ำมันแล้วใส่เปลือกต้นยูคา ได้น้ำมันยู คาที่วางขายอยู่ทั่วไป ทางเวียดนามเลือกมาเป็นของฝากคนไทย แบกกลับกันมาจนน้ำ หนักกระเป๋าเกินทุกคน) แม่น้ำสายนี้ใสสะอาด ดูสงบร่มเย็นสวยงาม

มีผู้ร่วมสนทนาธรรมที่นี่มากกว่าฮอยอัน เพราะมีคนเมืองเว้มาร่วมการสนทนาด้วย ที่ทราบ ก็เพราะไกด์ได้พาไปแวะวัดมหานิกายในเมืองเว้ ชื่อวัดจำยากมาก พบกับพระ มหาการุณ ท่านเคยจำพรรษาที่วัดปากน้ำ เมืองไทย 10 กว่าปี พูดไทยได้ชัดเจน สอน พระอภิธรรมให้คณะที่มาสนทนาธรรมกับท่านอาจารย์ และได้แนะนำให้ลูกศิษย์ ไปร่วม สนทนาธรรมที่ห้องประชุมโรงแรมเฮืองยางหลายคน (แต่ตัวท่านไม่ได้ไปคงเพราะท่าน เป็นอาจารย์แล้ว หรือไม่ได้ขออนุญาตจากทางการก็ไม่ทราบ) และได้พบกับพระภิกษุจาก ไซ่ง่อนที่ร่วมสนทนาที่ฮอยอัน ให้ไกด์ถามท่านว่า ทำไมไม่ไปสนทนาธรรมที่โรงแรม (คอยเช็คยอดคนอื่น ดีที่ท่านไม่ย้อนถามว่า แล้วโยมทำไมไม่ฟัง เที่ยวเล่นทั้งวัน) ท่าน ตอบว่า ท่านขออนุญาตมาแค่ที่ฮอยอัน ถ้าจะฟังที่เว้ ต้องขออนุญาตอีก แต่วันหลังก็ เห็นท่าน แสดงว่าได้รับอนุญาตแล้ว

การได้ฟังธรรมที่เวียดนามนี่ยากจริงๆ เลยนะ พวกเราได้ฟังง่าย เป็นภาษาไทยที่เรา เข้าใจได้อย่างดี ไม่ต้องอาศัยล่ามแปลจากอังกฤษเป็นเวียดนามอย่างที่นี่ สามารถอ่าน หรือฟังได้ทั้งทางวิทยุ และสื่อออนไลน์ต่างๆ รวมทั้งสามารถซักถามกับท่านอาจารย์ได้ ด้วย แต่ก็ยังเหมือนไก่ได้พลอย ยังไม่เห็นคุณค่าของความเข้าใจพระธรรมว่า มีค่ายิ่งกว่า สิ่งใดในชีวิตที่ควรเก็บสะสมให้ได้มากที่สุด ตราบเท่าที่ยังมีโอกาส แต่ก็ไม่สามารถบังคับ ให้ใครเห็นคุณค่าได้ แม้แต่ตัวเอง เพราะความเข้าใจหรือปัญญา ก็เป็นธรรมะอย่างหนึ่ง ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ปัญญาจะเกิดขึ้นได้เมื่อมีเหตุปัจจัยที่เหมาะสม คือ คบสัตบุรุษ ได้แก่ พระพุทธเจ้า พระธรรม และ พระสงฆ์ ได้ฟังธรรมของท่านโดยเคารพ พิจารณาธรรมที่ได้ฟังแล้วโดยแยบคาย เมื่อเข้าใจแล้ว ความเข้าใจก็จะกระทำกิจของ ความเข้าใจ คือ ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมะ ที่กำลัง ปรากฏในขณะนี้ตามความเป็นจริง สาธุ สาธุ สาธุ

(ตามแบบเวียดนามที่เมื่อฟังธรรมจบ จะสาธุ 3 ครั้ง ไม่ใช่สาธุ 3 times นะคะ)

วันแรกในเว้นั้นก็ได้ผจญภัยแล้ว เพราะพวกเราเลือกที่จะรับประทานอาหารเย็นเอง ไป เวียดนามมา 2 ครั้งก่อน เจ้าภาพจัดอาหารเย็นให้อย่างมโหฬาร เหลือเฟือฟุ่มเฟือยเกินไป วันนี้จึงต้องออกไปหาอาหารเย็นเอง คุณน้อย พัทธนารีและคุณติ๋ว ที่ตามมาสมทบ ตั้งแต่ ฮอยอัน ได้สอบถามอากู๋มาแล้วทราบว่า มีตลาดใหญ่ ชื่อ ดงบา มีของขายมากมาย และ มีเฝออร่อยมากอยู่หน้าโรงแรม บางกลุ่มจึงขึ้นสามล้อถีบที่จอดรอเรียกแขกมากมายไป ตลาด แต่เห็นบอกว่าใกล้ๆ เรา 4 คน จึงขอเดินออกกำลังกายตามรถสามล้อถีบไป และ ถนนเลียบแม่น้ำก็ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่และสวนสาธารณะน่าเดินเล่น คิดว่าใกล้ๆ คงไม่ หลงกัน แต่เอาเข้าจริง สามล้อหายไปไหนไม่ทราบ จึงเดินเลี้ยวขวา ข้ามสะพานใหญ่ ที่มองเห็นจากโรงแรม ตามคำบอกเล่าไปถึงตลาดดงบา เดินซื้ออะโวกาโดและผลไม้ อื่นๆ รวมทั้งแวะซุปเปอร์มาร์เก็ต Lotteria ที่เห็นเพียงแห่งเดียวในเว้

เดินกลับโรงแรม อากาศยามเย็นของเว้กำลังสบาย ลมแม่น้ำพัดพาความสดชื่นมา ด้วย เห็นแสงสีจากไฟฟ้าประดับประดาตามสะพานและเรือภัตตาคารที่จอดริมแม่น้ำ สวยงาม มีคนเวียดนามเดินเล่น นั่งเล่นบนสะพานนี้มากมาย ลืมชื่ออีกแล้ว รู้สึกว่าญี่ปุ่น จะสร้างให้ เป็นสะพานข้ามแม่น้ำเฮือง ที่ไม่อนุญาตให้รถมากกว่า 4 ล้อขับผ่าน ชื่อเวียด- นามยากจริงๆ ทุกคนพยายามหัดพูดภาษาเวียดนาม แต่ตื่นขึ้นมาตอนเช้าก็ลืมไป อีกอย่างเช่น น้ำแข็ง เวียดนามเรียก ด่ะ คนไทยเวลาขอน้ำแข็งก็จะพูดว่า แด่ะ แด่ะ คง จะอยู่หน้าจอดูลุงกำนันมากเกินไป เลยจำแต่คำว่า แด่ะ แด่ะ วันนี้จบแค่นี้ก่อน แค่มะม่วงหล่นตรงหน้า ก็ตื่นเต้นพอแล้วค่ะ

ขอเชิญคลิกชมเรื่องเล่าจากเวียดนามทั้งสามตอนที่แล้ว ได้ที่นี่ ...

วันฟ้าสาง ที่เวียดนามกลาง

วันฟ้าสางที่เวียดนามกลาง 2

วันฟ้าสางที่เวียดนามกลาง 3


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 7 มิ.ย. 2557

น่าคิด ว่าใครปลิด ขั้วมะม่วง หรือกรรมลวง ว่าหล่น เพราะคนเขย่า? หรือเพราะชั่ว ทำไว้ ด้วยใจเรา จึงจะเอา แต่ผลดี ที่ไหนมา? ทำชั่ว ผลย่อมชั่ว เพราะตัวทำ อยากได้ดี แต่ไม่ทำ สิ่งมีค่า สะสมชั่ว ทำชั่ว ด้วยอวิชชา แสนเสียดาย เวลาลับ ไม่กลับคืน ...

...

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาพี่แดง สำหรับโอกาสในการทำความดี ผมรู้สึกดีใจที่ได้ช่วยงาน ที่รู้ว่าจะช่วยให้คนอื่นๆ ได้เข้าใจธรรม แม้เพียงเล็กน้อย นิดหน่อย เพื่อเกิดศรัทธามั่นคงขึ้นในการศึกษาพระธรรมในหนทางที่ถูกต้องนี้ มั่นคงขึ้นในการน้อมไปสู่ความดี เว้นความชั่วทั้งปวง ด้วยความ และด้วยคำบอกเล่าธรรมดาๆ ที่ดูปรกติอย่างนี้ ไม่ผิดปรกติเลย ถ้าเข้าใจ เมื่อก่อน เคยคิดว่าหนทางนี้จะยาวไกลนักหนาเช่นท่านว่านั้นหรือ? เมื่อเริ่มเข้าใจขึ้น ย่อมรู้ว่า หนทางนั้น ยาวไกลยิ่งกว่าที่เคยคิดไว้ มากนัก แต่มีความสุข และ ความอบอุ่นเหลือเกิน ที่ได้มีโอกาสได้เดินบนหนทางนั้น ร่วมกับทุกๆ ท่าน ครับ

" ทำดี และ ศึกษาพระธรรม "

...

กราบท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของพี่แดง เป็นอย่างยิ่ง ขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณอมรา ฉายะพงศ์ คุณนภา จันทรางศุ และ ตากล้องกิตติมศักดิ์ พี่สงบ เชื้อทอง สำหรับภาพประกอบที่งดงามครับ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 7 มิ.ย. 2557

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาพี่แดงและทุกๆ ท่านด้วยนะครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
napachant
วันที่ 8 มิ.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 9 มิ.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนา 3 times คะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
j.jim
วันที่ 9 มิ.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
pamali
วันที่ 9 มิ.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
papon
วันที่ 9 มิ.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Boonyavee
วันที่ 9 มิ.ย. 2557

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ขอกราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณแม่ด้วยคะ มะม่วงหล่นที่ เวียดนามนี้ ช่างประจวบเหมาะกับทฤษฎีเลยนะคะ สุดท้ายวิบากกรรม ยุติธรรมเสมอไม่ว่าจะ ช้าหรือเร็ว ต้องการหรือไม่ต้องการ ก็ไม่มีอะไรมายับยั้งต้านทานไม่ให้รับผลดีหรือไม่ดีนั้น ได้ ว่าแต่ได้ชิมรสมะม่วงว่าอร่อยรึเปล่าคะ สำหรับทริปนี้ขอชื่นชมชาวเวียดนามทุกท่านที่มี กุศลวิริยะแรงกล้ามาร่วมสนทนาธรรมเป็นจำนวนมาก ขอกราบอนุโมทนาอย่างยิ่งคะ ขอกราบอนุโมทนาคุณพ่อสงบ และคุณนภา จันทรางศุ สำหรับภาพถ่ายประกอบ ประทับ ใจภาพคุณนภา สวมชุดเวียดนามยืนใต้ต้นไม้มากคะ ขอกราบอนุโมทนาคุณวันชัย ภู่งาม ที่ ไม่ได้ร่วมทริปครั้งนี้ แต่ก็อาสานำรูปถ่ายมาจัดเรียงอย่างสวยงามเข้ากับเรื่องที่ถ่ายทอดได้ เป็นอย่างดีคะ และสุดท้ายขอกราบอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
เมตตา
วันที่ 12 มิ.ย. 2557

กราบท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของพี่แดง เป็นอย่างยิ่ง ขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณอมรา ฉายะพงศ์ คุณนภา จันทรางศุ และ ตากล้องกิตติมศักดิ์ พี่สงบ เชื้อทอง

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ch.
วันที่ 15 มิ.ย. 2557

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 16 มิ.ย. 2557

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
wirat.k
วันที่ 12 ก.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
orawan.c
วันที่ 7 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
ปลากริม ไข่เต่า
วันที่ 22 พ.ค. 2560

ขอบพระคุณ และอนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ