มีคนทักว่า ศึกษาธรรมะ แต่ทำไมยังห่วงเรื่องรายได้ เรื่องปากท้อง

 
Krisd
วันที่  6 มิ.ย. 2557
หมายเลข  24950
อ่าน  1,216

การที่ศึกษาพระธรรม แต่ยังมีความกังวลเรื่องรายได้หรือเรื่องปากท้องอยู่ เป็นเรื่องปกติ หรือว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรครับ

แล้วการที่คนมีทรัพย์มากจากการทำธุรกิจ จะทำให้มีโลภะมากกว่าคนทั่วไปหรือไม่ครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 6 มิ.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สำหรับปุถุชน แปลว่า ผู้ที่หนาด้วยกิเลส คือ มีกิเลสมากและเกิดขึ้นบ่อย เป็นธรรมดา จะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม ซึ่งหากพิจารณาความจริงแล้ว กิเลสเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ตัวเลย เพียงเห็น กิเลสก็เกิดขึ้นแล้วเป็นธรรมดา รวดเร็วมากๆ เพราะฉะนั้น แม้จะมีทรัพย์มาก ทรัพย์น้อย กิเลสก็มีมากเช่นกัน ยินดีในทรัพย์เพียงเล็กน้อยที่มีอยู่ แต่ยินดี ติดข้องมากก็ได้ ซึ่งก็เป็นไปตามการสะสมของแต่ละคน แต่โดยรวมแล้วก็กิเลสมากทั้งนั้น เพราะฉะนั้น ในความเป็นจริง การศึกษาธรรม ไม่ใช่ศึกษาแล้ว จะกลายเป็นพระอรหันต์ไม่มีกิเลสเลยทันที แต่ต้องเข้าใจว่า สะสมกิเลสมามากมายนับชาติไม่ถ้วน สนิมที่เกาะอยู่นาน ไม่ใช่การขัดเพียงที สองทีจะหมดได้แต่ต้องใช้ระยะเวลาที่ยาวนานมากมาย กิเลสก็เช่นกัน จะต้องอาศัยระยะเวลาในการละ อย่างยาวนาน ซึ่งหากได้อ่านประวัติของพระสาวก ต้องอบรมมานับชาติไม่ถ้วน ครับ

เพราะฉะนั้น การยินดีในทรัพย์ เงินทอง การเลี้ยงชีพ ก็ยังเป็นปกติธรรมดา ผู้ที่ไม่ติดข้องใน รูป เสียง กลิ่น รส สิ่งที่กระทบสัมผัส คือ พระอนาคามี แม้พระสกทาคามี และ พระโสดาบัน ท่านก็ยังมีกิเลส ยังยินดีในการเลี้ยงชีพ และ ประกอบอาชีพ มีท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี นางวิสาขาอุบาสิกา เป็นต้น ก็ยังประกอบอาชีพ ยินดีในการเลี้ยงชีพ แม้พระโพธิสัตว์ ผู้อบรมปัญญาที่จะเป็นพระพุทธเจ้า ใฝ่ธรรม ก็ประกอบอาชีพ และ แบ่งปันทรัพย์ที่ได้มา เลี้ยงครอบครัว และ ทำบุญ เจริญกุศลตามสมควรครับ นี่คือ ชีวิตของคฤหัสถ์ ที่เป็นวินัยคฤหัสถ์ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ที่เป็นปกติ ไม่ได้ผิดปกติแต่อย่างใด ครับ เพราะฉะนั้น หนทางการอบรมปัญญาจึงเป็นการรู้ความเป็นปกติที่เกิดขึ้นของอกุศล และ กุศลและสภาพธรรมอื่นๆ ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ซึ่งสามารถอบรมได้ในชีวิตปรจะำวัน ไม่ว่าเพศใด ประกอบอาชีพใด ครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 6 มิ.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ในชีวิตประจำวัน ชีวิตของคฤหัสถ์มีความจำเป็นที่จะต้องประกอบอาชีพ เพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สิน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการดำรงชีวิตไม่ให้ลำบาก ไม่ให้เดือดร้อน ไม่ใช่ว่าจะปล่อยชีวิตให้ลำบากเดือดร้อนโดยประการต่างๆ เพราะชีวิตที่เป็นไปขณะนี้ ก็ต้องมีการดูแลรักษา ทั้งในเรื่องของอาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม เมื่อเจ็บป่วยก็มีการรักษา ไม่ใช่ว่ามุ่งจะศึกษาพระธรรมอย่่างเดียว และในความเป็นจริงไม่มีใครจะฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมตลอด ๒๔ ชั่วโมง พระอริยบุคคลในอดีต เป็นพระราชา เป็นเศรษฐี เป็นพ่อค้า เป็นชาวนา เป็นต้น ต่างก็มีกิจหน้าที่ที่จะต้องกระทำ ประการที่สำคัญ คือ เข้าใจสิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริง เข้าใจว่าเป็นธรรม พร้อมๆ กับเป็นคนดี และ ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ เพราะเมื่อมีความเข้าใจธรรม มีปัญญาเจริญขึ้น เข้าใจในความเป็นเหตุเป็นผลของธรรมมากขึ้น ความประพฤติเป็นไปในชีวิตประจำวันทั้งทางกาย ทางวาจาและทางใจ ก็จะเป็นไปในทางที่ดียิ่งขึ้นตามกำลังของความเข้าใจ, ความดีทุกอย่างทุกประการ เป็นสิ่งทีดี ไม่มีโทษ ควรเจริญในชีวิตประจำวัน ซึ่งที่ขาดไม่ได้เลย คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมปัญญา ต่อไป ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 6 มิ.ย. 2557

ศึกษาพระธรรม กับ ประกอบอาชีพสุจริตได้ และ เจริญกุศล ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
j.jim
วันที่ 7 มิ.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Krisd
วันที่ 7 มิ.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
pamali
วันที่ 9 มิ.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
orawan.c
วันที่ 7 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ