จักขุปสาทเกิดก่อนจิตเห็น

 
papon
วันที่  12 มิ.ย. 2557
หมายเลข  24976
อ่าน  1,705

เรียนอาจารย์ทั้งสองท่าน

"จักขุปสาทเกิดก่อนจิตเห็น" ตอนหนึ่งจากคำบรรยายท่านอาจารย์ ในพระอภิธรรมพื้นฐานตอนที่ ๕๓๕ ขอความกรุณาอาจารย์ช่วยอธิบายด้วยครับ ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 12 มิ.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

จิต เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นสภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์ เป็นสภาพธรรมที่สั้นแสนสั้น มีอายุเพียงแค่ขณะทีเกิดขึ้นขณะที่ตั้งอยู่และขณะที่ดับไปเท่านั้น เมื่อจิตขณะหนึ่งเกิดแล้วดับไปก็เป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิดสืบต่อ เมื่อกล่าวถึงจิตแล้ว ไม่ใช่ว่าจะต้องมีเฉพาะจิตเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ยังมีสภาพธรรมอีกประเภทที่เกิดร่วมกับจิต นั้นด้วย เมื่อเกิดร่วมกับจิต ก็ต้องรู้อารมณ์เดียวกันกับจิต ดับพร้อมกับจิต และในภูมิที่มีขันธ์ ๕ ก็ต้องอาศัยที่เกิดที่เดียวกันกับจิตด้วย สภาพธรรมที่กล่าวนั้น คือ เจตสิก จิตและเจตสิก ไม่ได้สถิตย์อยู่ที่ไหน เพราะเกิดแล้วดับแล้ว และในขณะที่เกิดนั้นก็จะต้องมีที่อาศัยเกิดของจิตและเจตสิก ด้วย ที่เกิดของจิตและเจตสิก เรียกว่า วัตถุรูป ไม่ได้มีเฉพาะหทยวัตถุเท่านั้น ที่เป็นที่เกิดของจิต ยังมีอีก ๕ วัตถุรูปอันเป็นที่เกิดของจิตและเจตสิก ได้แก่ จักขุวัตถุ เป็นที่เกิดของจักขุวิญญาณ (และเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย) โสตวัตถุ เป็นที่เกิดของโสตวิญญาณ (และเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย) ฆานวัตถุเป็นที่เกิดของฆานวิญญาณ (และเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย) ชิวหาวัตถุ เป็นที่เกิดของชิวหาวิญญาณ (และเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย) และ กายวัตถุ เป็นที่เกิดของกายวิญญาณ (และเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย) จิตที่เหลือทั้งหมดนอกจากที่กล่าวมาแล้ว เกิดที่หทยวัตถุทั้งหมด จิตและเจตสิกจะเกิดที่อื่นไม่ได้ นอกจากเกิดที่วัตถุรูป ๖ รูป ตามสมควรแก่จิตประเภทนั้นๆ [ถ้าเป็นในอรูปพรหมภูมิไม่มีรูปธรรม มีเฉพาะนามธรรม จิตและเจตสิก อาศัยกันและกันเกิดขึ้น]

เพราะฉะนั้น จิตเห็นจะเกิดได้ ก็ต้องอาศัยที่เกิด คือ ตา ที่เป็นจักขุปสาทรูป ซึ่งจะต้องมีสีมากระทบก่อน จึงจะเป็นปัจจัยให้เกิด จักขุวิญญาณ คือ การเห็น เพราะฉะนั้น จักขุปสาทรูปจึงต้องเกิดก่อนจิตเห็น โดย ปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย ครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 12 มิ.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ความเป็นจริงของธรรมเป็นจริงอย่างไรก็เป็นจริงอย่างนั้น ถ้าไม่มีการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สัตว์โลกก็จะไม่มีโอกาสได้ฟังและเข้าใจความเป็นจริงของสภาพธรรมได้ และเมื่อกล่าวถึงสิ่งที่มีจริง ที่เกิดขึ้นเป็นไปในชีวิตประจำวันนั้น ไม่มีแม้แต่อย่างเดียวที่จะเกิดเองลอยๆ โดยปราศจากปัจจัยที่ทำให้เกิดขึ้น ล้วนแล้วแต่เกิดเพราะปัจจัยทั้งสิ้น แสดงถึงความเป็นจริงของธรรมที่เป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น แต่เกิดขึ้นเป็นไปตามปัจจัย แม้แต่ที่กล่าวถึงจิตเห็น ซึ่งเป็นนามธรรมที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่เพียงเห็นสิ่งที่ปรากฏทางตา คือ สี เท่านั้น และเห็น ก็ต้องมีที่เกิด ถ้าที่เกิดนั้น ไม่เกิดขึ้น แล้วจะเป็นเหตุให้จิตเห็นอาศัยเกิดได้อย่างไร ถ้าไม่มีจักขุปสาทะเป็นปัจจัยแล้ว จิตเห็นจะเกิดได้อย่างไร ดังนั้น จักขุปสาทะ คือ ตา เกิดก่อนจิตเห็น โดยเป็นที่อาศัยเกิดของจิตเห็น (และเจตสิกธรรมที่เกิดร่วมกับจิตเห็น) และที่สำคัญ ก่อนจะถึงจิตเห็น นั้นก็ต้องมีสีกระทบกับจักขุปสาทะ แล้ว จึงจะเป็นเหตุให้วิถีจิตเกิดดับสืบต่อกันรู้อารมณ์ทางตา จิตที่เกิดก่อนจิตเห็นคือจักขุทวาราวัชชนจิต ซึ่งเป็นวิถีจิตแรกทางตา เมื่อดับไปแล้ว จิตขณะต่อไป คือ จักขุวิญญาณ (จิตเห็น) จึงจะเกิดขึ้นได้ จักขุวิญญาณเกิดโดยอาศัยจักขุปสาทะเป็นที่เกิด และรู้สีทางตา นั่นเอง ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 13 มิ.ย. 2557

จักขุปสาท คือ ตา กับจิตเห็น จิตเห็นต้องอาศัยตาจึงเห็นได้ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
papon
วันที่ 13 มิ.ย. 2557

เรียนอาจารย์ทั้งสองท่าน

จักขุปสาทรูปเป็นรูปที่เกิดจากกรรมเป็นสมุฏฐาน จะเกิดที่ขณะจิตใดครับ (คือภวังคุปัจเฉทะ) หรือไม่อย่างไรครับ และอายตนะสามารถอธิบายในกรณีนี้ได้ไหมครับ? ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 13 มิ.ย. 2557

เรียนความคิดเห็นที่ ๔ ครับ ที่พอจะเข้าใจในเบื้องต้นคือ จักขุปสาทรูป เป็นรูปที่เกิดจากกรรม มีอายุเท่ากับจิตเกิดดับ ๑๗ ขณะ เกิดทุกอนุขณะ (ขณะย่อย) ของจิต [จิต ๑ ขณะที่เกิดขึ้น จะมีอนุขณะ ๓ คือ ขณะที่เกิดขึ้น เรียกว่า อุปปาทขณะ, ขณะที่ยังไม่ดับไป เรียกว่า ฐีติขณะ และขณะที่ดับไป เรียกว่า ภังคขณะ] ดังนั้น เมื่อจักขุปสาทะ เกิด ณ ขณะจิตใดก็มีอายุนับไปจนถึงจิตขณะที่ ๑๗ สำหรับความเป็นอายตนะ นั้น ก็คือ สภาพธรรมที่ประชุมพร้อมกันในขณะที่จิตเกิดขึ้นรู้อารมณ์ทีละขณะ ดังนั้น ในขณะที่จิตเห็นเกิดขึ้น นั้น มีอะไรบ้างที่ประชุมพร้อมกันอยู่ ยังไม่ดับไปในขณะนั้น คือ มีจักขุปสาทะ (จักขายนตนะ) อันเป็นที่เกิดของจิตเห็น มีสี (รูปายตนะ) เป็นอารมณ์ของจิตเห็น มีเจตสิกธรรม (ธัมมายตนะ) ที่เกิดร่วมกับจิตเห็น ทั้งหมดนั้น ล้วนเป็นธรรมแต่ละหนึ่งๆ ไม่ใช่สัตว์บุคคล ตัวตน ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ