ผึกกรรมฐาน แนวทาง หลวงปูดูลย์ อตุโล
ผมผึกกรรมฐาน ตามแนวทางของหลวงปูดูลย์ เข้าใจง่ายและเร็วมาก เพียงเรารู้ว่าจิตสังขาร คือความคิดปรุงแต่ง แล้วเราหยุดให้ได้ ก็จะพบกับความว่าง ทำปัญญาจักษุให้เกิดขึ้นก่อน สติ คือปัจจุบัน ใจ คือความเป็นกลาง จิต คือ อดึต กับ อนาคต
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ใช้เวลา บำเพ็ญบารมี 4 อสงไขยแสนกัป นานแสนนาน และ เมื่อพระองค์ทรงตรัสรู้แล้ว ก็ทรงไม่น้อมพระทัยที่จะทรงแสดงธรรมด้วยเหตุผล 2 ประการ คือ พระธรรมที่พระองค์ทรงตรัสรู้ ลึกซึ้ง (คัมภีรภาพ) อย่างยิ่ง ยากที่สัตว์โลกจะรู้ตาม และ อีกประการหนึ่ง คือ เพราะหมู่สัตว์มากด้วยกิเลส มากด้วยความไม่รู้ จึงยากที่จะเข้าใจ เพราะฉะนั้น พระธรรม ไม่มีวิธีจะทำให้ง่าย เพราะ พระธรรมเป็นสัจจะ ยากอย่างไรก็คือยากอย่างนั้น
ทางที่ง่าย คือ ทางที่ไม่ตรง เพราะ เป็นทางที่ไม่เริ่มจากความเข้าใจ แต่เป็นทางที่จะทำ จะทำ จะปฏิบัติเมื่อไหร่ ผิดเมื่อนั้น เพราะ ไม่ได้ตั้งต้น ตั้งแต่พื้นฐาน คือ ความเป็นอนัตตา ซึ่งไม่สามารถบังคับได้ สติและปัญญาเป็นธรรม และ เมื่อเป็นธรรมก็เป็นอนัตตา จึงไม่สามารถบังคับให้สติ และ ปัญญาเกิดขึ้น ด้วยการทำท่าทาง หรือ บังคับอย่างใดอย่างหนึ่งได้เลย เพราะเรามักคิดว่า ปฏิบัติ คือ การทำอะไรสักอย่างหนึ่ง ตามภาษาไทยที่เราศึกษากัน แต่ความจริง ปฏิบัติ คือ ธรรมปฏิบัติหน้าที่ ที่เป็นสติและปัญญาที่รู้ความจริงในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ซึ่งจะเกิดขึ้นได้เพราะอาศัยการฟัง ศึกษาพระธรรม เป็นสำคัญ เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม สติและปัญญาก็เกิดรู้ความจริงในขณะนี้ โดยไม่ต้องไปทำ เพราะจะทำ จะปฏิบัติเมื่อไหร่ ก็คลาดเคลื่อนจากหนทางถูกเมื่อนั้น พระธรรมจึงเป็นศาสดาแทนพระองค์ ที่จะตรวจสอบหนทางว่าถูกต้องหรือไม่ถูกต้องครับ เพราะฉะนั้น ผู้ที่ละเอียดจึงจะได้สาระจากพระธรรม ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ผู้ทรงตื่นจากกิเลสโดยประการทั้งปวง นอกจากนั้นก็ทรงปลุกสัตว์โลกให้ตื่นจากกิเลสตามพระองค์ด้วย โดยการทรงแสดงพระธรรมประกาศพระศาสนาแก่สัตว์โลก ซึ่งมีผู้ตรัสรู้เป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ มากมายอย่างนับไม่ถ้วน พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นผู้หมดจดจากกิเลสโดยประการทั้งปวง พระองค์ทรงแสดงพระธรรม พร้อมทั้งทรงแสดงหนทางปฏิบัติที่ทำให้ปุถุชนผู้หนาแน่นไปด้วยกิเลส ดำเนินไปถึงความเป็นพระอริยบุคคลได้ ทรงแสดงสภาพธรรมทั้งหมดซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงที่ควรรู้ โดยประมวลแล้ว ได้แก่ นามธรรม กับ รูปธรรม เพื่อให้พุทธบริษัทได้เข้าใจตามความเป็นจริง แม้พระองค์จะเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว แต่พระธรรมวินัยเป็นศาสดาแทนพระองค์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์เกื้อกูลสำหรับผู้ที่มีความจริงใจที่จะฟังที่จะศึกษา อย่างแท้จริง กาลสมัยนี้ยังเป็นช่วงเวลาที่พระธรรมยังดำรงอยู่ ก็ควรที่จะได้ฟังได้ศึกษาพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง ศึกษาจากพระไตรปิฎกและอรรถกถา ฟัง สนทนาสอบถามจากกัลยาณมิตรผู้ที่มีปัญญามีความเข้าใจธรรมตามที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกจริงๆ ก็เพราะบุญที่กระทำไว้ตั้งแต่ชาติปางก่อน จึงทำให้ได้มีโอกาสเกิดในสมัยที่พระธรรมคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังไม่ลบเลือน ยังไม่เสือมสูญไป เพราะพระไตรปิฎกและอรรถกถายังครบสมบูรณ์อยู่ จึงควรที่จะได้ศึกษาในสิ่งที่ประเสริฐที่สุด คือ พระธรรม จะต้องไม่ลืมคำว่า "พระพุทธศาสนา" คือ พระธรรมคำสอนของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก ไม่ได้สอนให้ใครไปทำอะไรด้วยความไม่รู้ ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
การจะรู้ความจริงของธรรม เป็นเรื่องของความเข้าใจที่มาจากการฟังธรรม ถ้ามีปัญญาก็รู้ว่าขณะนี้มีธรรม ไม่ต้องไปนั่งสมาธิ ค่ะ
4 อสงไขยแสนกัปป์ ยาวนานแทบจะนับไม่ได้เลย ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสะสมความดีทุกประการ เพื่อตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ตรัสรู้ความจริงนะขณะนี้ ที่ปรากฏอยู่ทุกขณะ และทรงตรัสสอน ให้ผู้อื่นได้เข้าใจในความจริงนั้นทุกประการนั้นด้วย ซึ่งต้องอาศัยการฟังอย่างเคารพและละเอียด เพราะทุกคำล้วนมีความหมายที่ลึกซึ้ง หากคิดเองทำเอง และหวังว่า จะรู้แจ้งกันง่ายๆ หากเป็นอย่างนั้นไม่ต้องมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ได้ แต่ความจริงแล้วเป็นเรื่องที่ยาก และต้องอาศัยการฟังที่ยาวนาน อย่าประมาทเด็ดขาด
ขออนุโมทนาครับ