ทุกขนิโรธสูตร - โลกนิโรธสูตร - ๒๓ ธ.ค. ๒๕๔๙
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ
ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ
••• ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย •••
ทุกวันเสาร์ ...
ขอเชิญร่วมรายการ
สนทนาธรรมที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
พระสูตร ที่นำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ
วันเสาร์ที่ ๒๓ ธค ๒๕๔๙
เวลา ๐๙:๐๐ - ๑๒:๐๐ น.
ทุกขนิโรธสูตร
ว่าด้วยเหตุเกิดแห่งทุกข์และความดับทุกข์
และ
โลกนิโรธสูตร
ว่าด้วยความเกิดและความดับแห่งโลก
[เล่มที่ 26] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒
นำการสนทนาโดย..
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะวิทยากร
ขอเชิญท่านอ่านพระสูตรนี้ได้ในกรอบต่อไป ครับ...
[เล่มที่ 26] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้าที่ 222
๓. ทุกขนิโรธสูตร
ว่าด้วยเหตุเกิดแห่งทุกข์และความดับทุกข์
[๑๖๑] พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัส ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงเหตุเกิดแห่งทุกข์ และความดับ แห่งทุกข์ ท่านทั้งหลายจงฟัง จงทำไว้ในใจให้ดี เราจักกล่าว ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า พระพุทธเจ้าข้า
[๑๖๒] พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสดังนี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ความเกิดขึ้นแห่งทุกข์เป็นไฉน เพราะอาศัยจักษุและรูป จึงเกิดจักขุวิญญาณ เพราะความประชุมแห่งธรรม ๓ ประการจึงเกิดผัสสะ เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงเกิดตัณหา ภิกษุทั้งหลาย นี้แลเป็นความเกิดขึ้นแห่งทุกข์ เพราะอาศัยหูและเสียง ... เพราะอาศัยจมูก และกลิ่น ... เพราะอาศัยลิ้นและรส ... เพราะอาศัยกายและโผฏฐัพพะ เพราะอาศัยใจและธรรม จึงเกิดมโนวิญญาณ เพราะความประชุมแห่งธรรม ๓ ประการจึงเกิดเป็นผัสสะ เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงเกิดตัณหา ภิกษุทั้งหลาย นี้แลเป็นความเกิดขึ้นแห่งทุกข์
[๑๖๓] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ความดับแห่งทุกข์เป็นไฉน เพราะ อาศัยจักษุและรูป จึงเกิดจักขุวิญญาณ เพราะความประชุมแห่งธรรม ๓ ประการ จึงเกิดผัสสะ เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงเกิดตัณหา เพราะตัณหานั้นเทียวดับด้วยสำรอกโดยไม่เหลือ อุปาทานจึงดับ เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ เพราะภพดับ ชาติจึงดับ เพราะชาติดับ ชราและมรณะ โสกปริเทวทุกขโทมนัสและอุปายาสจึงดับ ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ ภิกษุทั้งหลาย นี้แล เป็นความดับแห่งทุกข์ เพราะอาศัยหูและเสียง ... เพราะอาศัยจมูก และ กลิ่น ... เพราะอาศัยลิ้นและรส ... เพราะอาศัยกายและโผฏฐัพพะ ... เพราะอาศัยใจและธรรม จึงเกิดมโนวิญญาณ เพราะความประชุมแห่งธรรม ๓ ประการจึงเกิดผัสสะ เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงเกิดตัณหา เพราะตัณหานั้นเทียวดับ ด้วยสำรอกโดยไม่เหลือ อุปาทานจึงดับ เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ เพราะภพดับ ชาติจึงดับ เพื่อชาติดับ ชราและมรณะ โสกปริเทวทุกขโทมนัสและอุปายาสจึงดับ ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมด้วยประการอย่างนี้ ภิกษุทั้งหลาย นี้แลเป็นความดับแห่งทุกข์.
จบ ทุกขนิโรธสูตรที่ ๓
อรรถกถาทุกขนิโรธสูตรที่ ๓
พึงทราบวินิจฉัยในทุกขสูตรที่ ๓ ต่อไป.
บทว่า ทุกฺขสฺส ได้แก่ วัฏทุกข์ ทุกข์คือความเวียนว่ายตายเกิด เหตุเกิด
ในบทว่า สมุทย มี ๒ อย่าง คือ เหตุเกิดที่เป็นชั่วขณะ ๑ เหตุเกิดคือปัจจัย ๑ ภิกษุแม้เห็นเหตุเกิดคือปัจจัย ก็ชื่อว่าเห็นเหตุเกิดที่เป็น ไปชั่วขณะ ถึงเห็นเหตุเกิดที่เป็นไปชั่วขณะ ก็ชื่อว่าเห็นเกิดคือปัจจัย ความดับ
ในบทว่า อฏฺงฺคโม มี ๒ อย่าง คือ ความดับสนิท ๑ ความดับ คือ การแตกสลาย ๑ ภิกษุแม้เห็นความดับสนิท ก็ชื่อว่าเห็นความดับคือ การแตกสลาย ถึงเห็นความดับคือการแตกสลาย ก็ชื่อว่า เห็นความดับสนิท
บทว่า เทเสสฺสามิ ได้แก่ เราจักแสดงความเกิดและความดับ ซึ่งชื่อว่าความ บังเกิดและความแตกแห่งวัฏทุกข์นี้. อธิบายว่า พวกเธอจงฟังเหตุเกิดและความดับนั้น
บทว่า ปฏิจฺจ ได้แก่ เพราะความประชุมแห่งธรรม ๓ ประการ จึงเกิดผัสสะ เพราะทำให้เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจนิสสยปัจจัยและ อารัมมณปัจจัย
บทว่า อย โข ภิกฺขเว ทุกฺขสฺส สมุทโย ได้แก่ นี้ชื่อว่าเป็นความบังเกิดแห่งวัฏทุกข์. ข้อว่า อฏฺงฺคโม แปลว่า ความแตกสลาย วัฏทุกข์ย่อมเป็นอันถูกทำลายแล้ว หาปฏิสนธิมิได้ ด้วยประการ ฉะนี้แล
จบ อรรถกถาทุกขนิโรธสูตรที่ ๓
[เล่มที่ 26] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้าที่ 224
๔. โลกนิโรธสูตร
ว่าด้วยความเกิดและความดับแห่งโลก
[๑๖๔] พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงความเกิดและความดับแห่งโลก ๑ เธอทั้งหลายจงฟัง ภิกษุทั้งหลาย ก็ความเกิดแห่งโลกเป็นไฉน เพราะอาศัยจักษุและรูป จึงเกิดจักขุวิญญาณ เพราะความประชุมแห่งธรรม ๓ ประการ จึงเกิดผัสสะ เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงเกิดตัณหา เพระตัณหาเป็นปัจจัย จึงเกิดอุปาทาน เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย จึงเกิดภพ เพราะภพเป็นปัจจัย จึงเกิดชาติ เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงเกิด ชราและมรณะ โสกปริเทว ทุกขโทมนัสและอุปายาส ภิกษุทั้งหลาย นี้แลเป็น ความเกิดแห่งโลก เพราะอาศัยหูและเสียง เพราะอาศัยจมูกและกลิ่น เพราะอาศัยลิ้นและรส เพราะอาศัยกายและโผฏฐัพพะ เพราะอาศัยใจ และธรรม จึงเกิดมโนวิญญาณ เพราะความประชุมแห่งธรรม ๓ ประการจึงเกิด ผัสสะ เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา ฯล ฯ เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงเกิดชราและมรณะ โสกปริเทวทุกขโทมนัสและอุปายาส ภิกษุทั้งหลาย นี้แลเป็นความเกิดแห่งโลก
[๑๖๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ความดับแห่งโลกเป็นไฉน เพราะอาศัยจักษุและรูป จึงเกิดจักขุวิญญาณ เพราะความประชุมแห่งธรรม ๓ ประการ จึงเกิดผัสสะ เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงเกิดตัณหา เพราะตัณหานั้นเทียวดับด้วยสำรอกโดยไม่เหลือ อุปาทานจึงดับ เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ เพราะภพดับ ชาติจึงดับ เพราะชาติดับ ชราและมรณะ โสกปริเทวทุกขโทมนัส และอุปายาส จึงดับ ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ ภิกษุทั้งหลาย นี้แลเป็นความดับแห่งโลก เพราะอาศัยหูและเสียง เพราะอาศัยจมูกและกลิ่น เพราะอาศัยลิ้นและรส เพราะอาศัยกายและโผฏฐัพพะ เพราะอาศัยใจและธรรม จึงเกิดมโนวิญญาณ เพราะความประชุมแห่งธรรม ๓ ประการจึงเกิดผัสสะ เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา เพราะเวทนา เป็นปัจจัย จึงเกิดตัณหา เพราะตัณหานั้นเทียวดับด้วยสำรอกโดยไม่เหลือ อุปาทานจึงดับ เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ ฯลฯ ความดับแห่งกอง ทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ ภิกษุทั้งหลาย นี้แลเป็นความดับแห่งโลก
จบ โลกนิโรธสูตรที่ ๔