อยากทราบความละเอียดของสภาพธรรมะที่ชื่อว่า ปีติ

 
ปวีร์
วันที่  2 ก.ค. 2557
หมายเลข  25049
อ่าน  1,100

เพราะในขณะที่ฟังพระธรรมเกิดความเข้าใจ ชื่นชมในความไพเราะของพระธรรมเกิดความแช่มชื่น ในขณะนั้นไม่ใช่เราแต่เป็นสภาพธรรมะ ซึ่งละเอียดและลึกซึ้งยิ่งหนัก


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 2 ก.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ไม่ว่าจะกล่าวถึงอะไร ก็ไม่พ้นไปจากสภาพธรรม ที่มีจริงในขณะนี้ แม้แต่ในเรื่องของปีติ ก็เช่นเดียวกัน เป็นสภาพธรรมที่มีจริงๆ เป็นความเอิบอิ่ม ปลาบปลื้มใจ เกิดร่วมกับโสมนัสเวทนา ซึ่งจะเป็นกุศลก็ได้ เป็นอกุศลก็ได้เพราะเหตุว่าปีติ เป็นปกิณณกเจตสิก เกิดได้กับจิตทั้ง ๔ ชาติเลย ตามควรแก่จิตประเภทนั้นๆ เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ครับ

ปีติเจตสิก เป็นเจตสิกที่ปลาบปลื้ม เอิบอิ่ม ร่าเริง จึงเกิดร่วมกับโสมนัสเวทนาเท่านั้น ไม่เกิดร่วมกับเวทนาอื่นๆ เลย ปีติเจตสิก เกิดร่วมกับจิตที่มีโสมนัสเวทนาเกิดร่วมด้วย ๕๑ ดวง คือ กามโสมนัสจิต ๑๘ ดวง ปฐมฌานจิต ๑๑ ดวง ทุติยฌานจิต ๑๑ ดวง ตติยฌานจิต ๑๑ ดวง จิตที่มีโสมนัสเวทนาเกิดร่วมด้วย แต่ไม่มีปีติเจตสิกเกิดร่วมด้วยนั้นมี ๑๑ ดวง คือ จตุตถฌานจิต ๑๑ ดวง ทั้งนี้เพราะจตุตถฌานจิตประณีตกว่าตติยฌาน ซึ่งมีปีติเจตสิกเกิดร่วมด้วย

เพราะฉะนั้น ปีติ ก็มีเหตุปัจจัยจึงเกิดขึ้น เป็นธรรมไม่ใช่เรา เพราะอาศัยการฟังพระธรรมที่เข้าใจก็เกิด ปีติ ได้ในขณะนั้น ซึ่ง หนทางที่ถูกต้อง คือ การเข้าใจความจริงของสภาพธรรมที่เป็น ปีติ ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ปวีร์
วันที่ 3 ก.ค. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับอาจารย์ผเดิมครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
peem
วันที่ 3 ก.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 3 ก.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ในสมัยครั้งพุทธกาล ผู้ที่ได้ฟังพระธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว เกิดความรู้ ความเข้าใจ เห็นจริงตามพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง จึงเกิดความปลื้มใจ ปีติ ยินดี เบิกบาน มีการชื่นชมพระดำรัสของพระองค์ว่า ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งยิ่งนัก เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกหนทางให้แก่คนหลงทาง หรือตามประทีปในที่มืด ด้วยหวังว่า ผู้มีจักษุจักเห็นรูปได้

ซึ่งจะเห็นได้ว่า ที่เกิดความเบิกบานก็เพราะได้เข้าใจพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง เกิดความซาบซึ้งเห็นตามความเป็นจริง ว่าสภาพธรรมเป็นสิ่งที่มีจริง เป็นธรรมที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เป็นสภาพธรรมแต่ละอย่างๆ เท่านั้น สภาพธรรมมีหลายอย่างหลายประการ เช่น สภาพธรรมที่เป็นกุศล ก็มี สภาพธรรมที่เป็นกุศล ก็มี เป็นต้น กุศลธรรมเป็นสิ่งที่ควรเจริญ ควรอบรมให้มีขึ้น ส่วนกุศลธรรมเป็นสิ่งที่ควรละ เมื่อได้ฟังแล้วได้ศึกษาแล้ว มีการพิจารณาไตร่ตรองตามก็จะทำให้เข้าใจในสิ่งที่พระองค์ทรงแสดง เกิดความเบิกบานที่ได้เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง ทำให้ได้เห็นโทษของกุศล เห็นคุณประโยชน์ของกุศลและพร้อมที่จะอบรมเจริญกุศลทุกประการ พร้อมทั้งมีความเบิกบานที่จะฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม เพื่อความเข้าใจยิ่งๆ ขึ้นไป ด้วยการเห็นประโยชน์ของพระธรรม ซึ่งต้องเป็นผู้ที่ได้สะสมปัญญามาเท่านั้น ที่จะเห็นประโยชน์ของพระธรรม ดังนั้น จึงควรอย่างยิ่งที่จะสะสมปัญญาต่อไป เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 3 ก.ค. 2557

ธรรมะที่พุทธเจ้าทรงแสดง งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง และงามในสุดค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ประสาน
วันที่ 7 ก.ค. 2557

สภาพธรรมที่เป็นปิติ ไม่ใช่เราเป็นธัมมะ

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ