สัจจญาณ ไม่มีในยุคที่ว่างจากพระพุทธศาสนา
ในยุคที่ว่างจากพระพุทธศาสนา แม้จะมีปัญญาเจตสิกเกิด มีความเข้าใจเรื่อง กรรม และผลของกรรม เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริงว่า ทำดี ได้ดี ทำชั่ว ได้ชั่ว มีตาทิพย์ รู้จุติ และ ปฏิสนธิของ สัตว์โลก รู้วาระจิตของสัตว์ว่า ที่เกิดเป็นมนุษย์ หรือ เทวดา เพราะทำกรรมอะไรมาเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน สัตว์นรก เพราะทำกรรมอะไร ฯลฯ รวมทั้ง มีอนาคตังสญาณ ล่วงรู้เหตุการณ์ในอนาคต (รู้จริงๆ ไม่ใช่รู้ แบบ หมอดู) ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ และ ปาฏิหารย์ อีกมากมายที่เกิดขึ้นในยุคที่ว่างจากพระ พุทธศาสนา จึง ไม่ใช่ สัจจญาณ เมื่อไม่มีสัจจญาณ กิจจญาณ และ กตญาณ ก็ไม่มี ในยุคนั้น (เว้นพระปัจเจกพุทธเจ้า)
ถ้าต้องเกิดอีกหลายๆ ชาติ และล้วนเป็นชาติที่อยู่ในยุคที่ว่างจากพระศาสนาคงต้องลำบากมากแน่ๆ ค่ะ เพราะจะไม่มีโอกาสได้ฟังพระธรรมที่ทรงแสดงเครื่องพ้นออกจากทุกข์ แถมมีโอกาสสะสมอกุศลเพิ่มขึ้นอีกมากเพราะความไม่รู้ ขนาดเกิดชาตินี้ได้เป็นมนุษย์ กว่าจะได้มาฟังพระธรรมเพื่อศึกษาและสะสมความเข้าใจที่ถูก ก็อายุเข้าไปตั้งหลายสิบแล้ว กุศลและความเข้าใจในพระธรรมที่ถูกต้องที่ดิฉันสะสมมาคงยังไม่มาก และอาจยังต้องเกิดอีกหลายชาติ ก็ขอเพียงให้มีโอกาสได้เกิดในยุคที่มีพระศาสนา เป็นมนุษย์ ได้มีโอกาสฟังพระธรรม ได้เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริงเพื่อสะสมความเข้าใจถูกไปเรื่อยๆ จนกว่าเหตุปัจจัยจะถึงพร้อม และอวิชชาครอบงำไม่ได้อีก ขณะนี้ดิฉันก็คงอธิษฐานอย่างนี้ และจะตั้งใจฟังพระธรรมต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ