ธัมมะไม่สาธารณะต่อทุกคนจริงๆๆๆ
พี่สาวป่วยเป็นงูสวัดที่ใบหน้า หลังจากหายแล้ว กลับปวดตามปลายประสาททุกข์ทรมานมาก หมอให้ยามาทานก็ดีขึ้นบ้าง แต่อาการก็ยังไม่หายขาด พี่สาวมีความวิตกกังวลและเครียดมาก เราก็พยายามปลอบใจ ให้กำลังใจ แต่ก็ไม่หายวิตกกังวล จึงแนะนำให้ฟังธรรม ก็ไม่ยอมฟัง เลยนึกถึงคำที่อาจารย์สอนว่า ธัมมะของพระพุทธเจ้า ไม่สาธารณะสำหรับทุกคน การที่จะทำให้คนที่ไม่เคยสะสมการฟังธรรมมาก่อน มาใส่ใจที่จะฟังธรรมนั้น มันช่างยากจริงๆ ๆ ๆ ดิฉันก็พยายามเปิดเทปอาจารย์ให้ฟัง เพราะคิดว่าฟังแล้วจะได้ข้อคิดบ้าง จะได้ช่วยคลายทุกข์ แต่ก็ไม่ได้ผล เลยต้องทำใจ และคิดว่าทุกคนมีกรรมเป็นของ ของตน คนอื่นก็ไม่สามารถจะช่วยอะไรได้ ถ้าพี่สาวสนใจฟังธรรมบ้างคงจะไม่ทุกข์ใจมากมายขนาดนี้ ดิฉันเป็นคนดูแลก็เครียดบ้าง แต่ก็ระลึกรู้ว่าทุกอย่างเป็นธัมมะ จิตก็สงบลง ไม่เกิดโทสะ ธัมมะของพระพุทธเจ้านี้สุดยอดมากๆ ๆ ๆ ถ้ามีความเข้าใจ สามารถดับทุกข์ให้เราได้จริงๆ ขณะที่สติระลึกรู้ ถึงแม้จะเกิดในระยะสั้นๆ ก็เป็นประโยชน์สำหรับดิฉันอย่างมาก ช่วยให้ละคลายความทุกข์ลงได้
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ความเห็นถูก เป็นสภาพธรรมที่มีจริง คือ ปัญญา ที่จะต้องเป็นเรื่องของการสะสมมาแล้วในอดีต เพราะฉะนั้น เสียงในโลกมีมากมาย แต่เสียงที่ทำให้เกิดปัญญา ความเห็นถูกมีอยู่ คือ เสียงของพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ แต่ผู้ที่ไม่ได้สะสมปัญญา สะสมความเข้าใจมา ก็ย่อมที่จะไม่สนใจในเสียงนั้น ในเรื่องนั้น แต่กลับไปสนใจในเรื่องที่ไม่มีสาระ ไม่มีประโยชน์ ซึ่งหากมองตามความเป็นจริงก็ไม่มีใครที่สนใจ หรือ ไม่สนใจ เป็นแต่เพียงสภาพธรรมที่เป็นจิต เจตสิก ที่่สะสมมาแตกต่างกันไป สะสมปัญญา สะสมความเห็นถูก หรือ สะสมอกุศล สะสมความเห็นผิด ชีวิตจึงแตกต่างกันไป ความสนใจของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป ตามการสะสมของจิตที่แตกต่างกัน แม้เรื่องราวของท่านพระสารีบุตรเถระในอดีตที่ปรากฏในชาดก ท่านได้เคยพยายามแนะนำคนที่ทุศีล ให้มีศีล ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะธรรมไม่สาธารณะนั่นเอง ซึ่งแสดงว่า เราไม่สามารถทำให้แผ่นดินทั้งหมดราบเรียบเสมอเหมือนกันหมดได้ เพราะบางแห่งก็มีหลุมมีบ่อ เป็นเนินฉันใด แม้เราก็ไม่สามารทำให้คนทุกคน สนใจธรรม หรือ ให้เป็นอย่างที่ใจเราคิด ครับ
ดังนั้น สิ่งที่สำคัญก่อนจะจากโลกนี้ไปซึ่งมีเวลาน้อยมาก คือ อบรมปัญญาศึกษาพระธรรม ให้มีความเข้าใจที่ถูกต้องเป็นของตนเองมั่นคงขึ้น ซึ่งแต่ละท่านก็เป็นไปตามเหตุตามปัจจัยของแต่ละคนที่ได้สะสมมา ต่างคนก็ต่างมา ต่างคนก็ต่างไป ประโยชน์ตนที่แท้จริง จึงเป็นความเข้าใจพระธรรม และกุศลที่เจริญขึ้นทุกประการ ซึ่งสำคัญที่สุด ครับ
...ขออนุโมทนาในความเห็นถูกของ คุณ oom ครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรม ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นคําจริง เป็นคําอนุเคราะห์เกื้อกูลให้เข้าใจถูก เห็นถูกตามความเป็นจริง เกิดจากการตรัสรู้ของพระองค์ ที่กว่าจะได้ตรัสรู้นั้น พระองค์ต้องบําเพ็ญพระบารมีสะสมคุณความดีประการต่างๆ ตลอดระยะเวลาที่ยาวนานถึงสี่อสงไขยแสนกัปป์ พระบารมีที่พระองค์ทรงบําเพ็ญมาทั้งหมดก็เพื่อโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์โลกอย่างแท้จริง ให้มีความเข้าใจถูก เห็นถูกในลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง พร้อมทั้งน้อมประพฤติปฏิบัติตาม จนกระทั่งถึงความเป็นผู้หมดจดจากกิเลสในที่สุด จะเห็นได้ว่าเมื่อพระองค์ทรงตรัสรู้แล้ว พระองค์ทรงแสดงพระธรรมตลอด ๔๕ พรรษา ทรงพร่ำสอนพุทธบริษัทบ่อยๆ เนืองๆ ตั้งแต่เริ่มประกาศพระศาสนาจนกระทั่งถึงเวลาพระองค์จวนจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า พระธรรมมีประโยชน์มาก ทําให้ผู้ได้ฟังได้ศึกษามีความเข้าใจถูกเห็นถูก เป็นไปเพื่อขัดเกลาละคลายกิเลสจนกว่า กิเลสจะดับหมดสิ้นไป พระธรรมจึงเป็นประโยชน์สําหรับผู้ที่ได้สะสมบุญมาแล้วตั้งแต่ชาติปางก่อนเท่านั้นซึ่งเป็นผู้มีศรัทธาเห็นประโยชน์ของพระธรรมได้ยินได้ฟังมาแล้วในอดีต ส่วนบุคคลผู้ที่ไม่ได้สะสมบุญมาย่อมไม่ได้รับประโยชน์จากพระธรรม พระธรรมย่อมเป็นสิ่งที่ไม่มีค่าสําหรับเขา ซึ่งจะตรงกับคําที่ว่า “พระธรรม ไม่สาธารณะกับทุกคน” อย่างแท้จริง ประการที่สําคัญที่ควรจะตระหนักอยู่เสมอ คือเราไม่สามารถทําให้คนทุกคนหันมาเป็นผู้สนใจ ศึกษาพระธรรมเหมือนกันหมด หรือ ไม่สามารถทําให้ทุกคนดําเนินชีวิตเป็นไปอย่างที่เราคิดได้ เพราะเป็นไปตามการสะสมของแต่ละบุคคลจริงๆ เพราะฉะน้ันแล้ว กิจที่ควรทําสําหรับผู้ที่เห็นประโยชน์ของพระธรรม ก็คือจะต้องมีความอดทน มีความเพียร มีความจริงใจที่จะฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญาต่อไป ไม่ละเลยโอกาสที่สําคัญในชีวิตที่จะทําให้ตนเองได้เข้าใจถูกเห็นถูกในธรรมตามความเป็นจริงซึ่งเป็นขณะที่ประเสริฐ และหายากเป็นอย่างยิ่ง ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ในโลกนี้มีเสียงเป็นพันๆ เสียง. แต่เสียงธรรมทำให้คนฟังเกิดปัญญา คนที่ได้ฟังธรรมเป็นผู้ที่เคยทำบุญมาแล้วในอดีต. เพราะเป็นเสียงที่หาฟังได้ยากในโลกค่ะ
คิดแล้วก็สงสารคนที่ไม่มีจิตใจใฝ่ในธรรม ในวันหนึ่งๆ จิตใจก็คงล่องลอยไปตามกิเลสที่เข้ามาทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่มีที่ยึดเหนี่ยว เห็นตัวอย่างจากพี่สาวเราเอง ขนาดนอนป่วยอยู่ทำอะไรไม่ได้ บอกให้ฟังธรรมก็ยังไม่ฟังเลย นอนอยู่เฉยๆ ไม่เหมือนบางคนถึงคราวเจ็บป่วย เขากลับหันหน้ามาฟังธรรมเพื่อหาที่ยึดเหนี่ยวทางใจ แต่พี่สาวเรากลับไม่ใส่ใจ เคยคุยกันว่าทำไมไม่ฟังธรรม หรืออ่านหนังสือธรรมะบ้าง เขาบอกว่าไม่ชอบ เราก็เลยต้องหยุด แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่เจ็บป่วยและได้รับความทุกข์ทรมานอย่างมาก เราก็บอกฟังธรรมบ้างซิ เพื่อจะได้ช่วยให้จิตใจเข้มแข็งขึ้น ไม่ท้อแท้ จะได้ต่อสู้กับโรคได้ ก็ยังไม่เอาอีก ดิฉันก็เลยต้องปล่อยวาง คิดว่าสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม เพราะเราก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไรแล้ว
ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ให้ความคิดเห็นค่ะ