น้องแก้มไปเกิดใหม่แล้ว ญาติพี่น้องที่ทำบุญให้ น้องแก้มจะได้รับหรือไม่

 
chatchai.k
วันที่  17 ก.ค. 2557
หมายเลข  25118
อ่าน  2,904

ตามที่ท่านวิทยากรได้ตอบกระทู้ก่อนหน้านี้ เกี่ยวกับเรื่องการเชิญวิญญาณน้องแก้มแล้วนั้น ตามหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา ตายแล้วเกิดทันที ไม่มีดวงวิญญาณล่องลอยเพื่อรอคอยเวลาที่จะไปเกิด

ในเมื่อน้องแก้มไปเกิดในภพภูมิใหม่แล้ว ญาติพี่น้องที่ทำบุญให้ น้องแก้มจะได้รับหรือไม่ครับ ขอท่านวิทยากรช่วยให้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ตามหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 17 ก.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การอุทิศส่วนกุศลเป็นบุญประเภทหนึ่งที่เกิดขึ้น โดยเมื่อมีการทำบุญประเภทต่างๆ แล้วก็มีจิตคิดให้ผู้อื่นรับรู้บุญที่ได้ทำมาเพื่อให้สัตว์นั้นได้อนุโมทนา ดังนั้นการอุทิศส่วนกุศลจึงเป็นเรื่องของจิต ที่มีเจตนาให้ผู้อื่นรู้ในบุญที่ตนได้กระทำครับ

ควรเข้าใจครับว่า การอุทิศส่วนกุศล คือ การที่บุคคลนั้นทำบุญ และมีจิตปรารถนาดีอุทิศส่วนบุญที่ตัวเองได้ทำให้กับผู้อื่น ในฐานะที่สามารถล่วงรู้ได้ ซึ่งสัตว์อื่นที่สามารถจะอยู่ในฐานะที่ได้รับ คือ เปรต เทวดา ส่วนภูมิที่เป็น นรก สัตว์เดรัจฉาน ไม่อยู่ในฐานะที่จะรู้ในการอุทิศส่วนกุศลและอนุโมทนาได้ครับ ซึ่งในพระไตรปิฎกแสดงว่าฐานะที่สัตว์จะได้รับส่วนกุศล คือ เปรต ครับ เพราะฉะนั้น หากน้อมแก้มไปเกิดเป็นมนุษย์ ก็ไม่สามารถรับบุญที่ญาติอุทิศให้ เกิดเป็นเทวดา ถ้ามีจิตรับรู้ อนุโมทนาก็สามารถรับบุญที่ญาติอุทิศให้ แต่หากเกิดในนรก ก็ไม่สามารถรับได้ แต่หากเกิดเป็นเปรต ก็สามารถรับส่วนกุศลที่ญาติอุทิศให้ แต่ต้องเกิดจิตอนุโมทนาในกุศลของญาติที่ได้ทำด้วย ครับ

อรรถกถาชาณุสโสณีสูตร

ส่วนอาหารของเหล่าสัตว์เดียรัจฉาน ก็พึงทราบ คือใบหญ้าเป็นต้น. ของเหล่ามนุษย์ ก็คือข้าวสุกขนมสดเป็นต้น ของทวยเทพ ก็คือ สุทธาโภชน์อาหารทิพย์เป็นต้น ของเหล่าสัตว์ที่เกิดในปิตติวิสัยแดนเปรต ก็คือน้ำลาย น้ำมูกเป็นต้น.

บทว่าย วา ปนสฺส อิโต อนุปฺปเวจฺฉนฺติ ความว่า เหล่ามิตรเป็นต้น ให้ทานส่งอุทิศผลบุญอันใดไปจากโลกนี้. เหล่าสัตว์ที่เกิดในปิตติวิสัยแดนเปรตเท่านั้น ย่อมเป็นอยู่ได้ด้วยผลบุญอันนั้น ที่บุคคลอื่นอุทิศไปให้. ผลบุญที่คนเหล่านั้นอุทิศให้ ไม่สำเร็จแก่สัตว์เหล่าอื่น.

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

พระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี เล่ม ๑ ภาค ๑ หน้า ๔๒๙

"เมื่อบุคคลให้ทาน กระทำการบูชาด้วยของหอมเป็นต้น แล้วให้ส่วนบุญว่า ขอส่วนบุญจงมีแก่บุคคลชื่อโน้น หรือว่า ขอส่วนบุญจงมีแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ดังนี้ พึงทราบว่า เป็นบุญกิริยาวัตถุอันเกิดแต่การให้ส่วนบุญ".

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

ซึ่งเราจะต้องเข้าใจการได้รับส่วนบุญ จากผู้อุทิศให้นั้นเป็นอย่างไรครับ?

การอุทิศส่วนกุศลและการที่บุคคลจะได้รับกุศลนั้นไม่เหมือนกับการที่บุคคลจะให้ของ และบุคคลนั้นจะได้รับของ ไม่ใช่ลักษณะนั้นครับ แต่ที่สำคัญเราจะต้องเข้าใจพื้นฐานของธรรมว่า กุศลของใครก็ของคนนั้น ไม่ใช่ว่ากุศลของเรา หรือ ใครจะทำให้คนอื่นๆ ได้รับผลของกุศลได้ครับ ดังนั้น เมื่อเป็นไปตามกฎของกรรม การจะได้รับผลของบุญ ได้รับสิ่งที่ดี จะต้องเป็นกุศล เป็นบุญของบุคคลนั้นเองครับ

เรื่องการอุทิศส่วนกุศลก็เช่นกันครับ ผู้ที่มีจิตอุทิศ มีเจตนาที่เป็นกุศล เป็นกุศลของบุคคลนั้นที่ตั้งใจบอกบุญ อุทิศให้สัตว์ที่สามารถล่วงรู้ ซึ่งอยู่ในฐานะที่จะรับได้ คือ เปรต เทวดา กุศลเป็นของผู้อุทิศ แต่หากสัตว์นั้น ไม่อนุโมทนาแม้รู้อยู่ กุศลของสัตว์นั้นไม่เกิด แม้จะหยิบยื่นให้ ก็ไม่ได้รับผลของบุญนั้นครับ ดังนั้น การที่เปรต หรือ เทวดา จะได้รับผลของบุญ ก็ต้องเป็นกุศลของเปรต หรือ เทวดาที่เกิดเองครับ จึงจะได้รับผลของกรรมดี ดังนั้นเมื่อเปรตล่วงรู้ และอนุโมทนา การอนุโมทนายินดีในกุศลที่ญาติทำ กุศลจิตของเปรตหรือเทวดาเกิดแล้วครับ เพราะฉะนั้นเมื่อกุศลของตนเองเกิด จึงทำให้ได้รับผลของกุศลที่เกิดจากจิตของตนเอง โดยมีการที่ญาติบอกให้รู้ในกุศลที่ทำเป็นปัจจัย กุศลของตนเองเท่านั้นที่จะทำให้ตนเองได้รับผลของกรรมที่ดีครับ

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 291

จริงอยู่ ทักษิณา ย่อมสำเร็จผล คือ ให้เกิดผลในขณะนั้นได้ ก็ด้วยองค์ ๓ คือ ด้วยการอนุโมทนาด้วยตนเองของเปรตทั้งหลาย ๑ ด้วยการอุทิศของทายกทั้งหลาย ๑ ด้วยการถึงพร้อมแห่งทักขิไณยบุคคล ๑.

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 17 ก.ค. 2557

เป็นหัวข้อที่น่าสนใจมากครับ ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 17 ก.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง เกื้อกูลอุปการะเพื่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรมประการต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่อกุศลธรรม,

กุศลซึ่งเป็นความดีในชีวิตประจำวัน สามารถเกิดขึ้นได้ ทั้งในเรื่องของทาน ศีล และการอบรมเจริญปัญญา ขึ้นอยู่กับว่า ผู้นั้นจะเห็นประโยชน์ของกุศลมากน้อยแค่ไหน การอุทิศส่วนกุศลก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย จุดประสงค์ของการอุทิศส่วนกุศลก็เพื่อให้บุคคลอื่นได้ร่วมอนุโมทนาซึ่งจะเป็นเหตุให้กุศลจิตของบุคคลอื่นเกิดได้ กุศลจิตที่อนุโมทนาย่อมเป็นกุศลของผู้อนุโมทนาเอง ซึ่งกุศลที่เกิดขึ้นด้วยการอนุโมทนานี้ จะเป็นเหตุให้ได้รับผลที่ดี คือ กุศลวิบากจิตเกิดขึ้น ไม่ใช่เราหยิบยื่นกุศลของเราให้คนอื่น แต่การที่เราทำกุศล แล้วเป็นเหตุให้คนอื่นที่รู้ อนุโมทนายินดีด้วย ไม่ว่าจะเป็นตอนไหนก็ตาม ขณะใดก็ตามที่เขาอนุโมทนายินดีด้วย ขณะนั้นก็เป็นกุศลของเขา ซึ่งจะต้องเป็นกุศลจิตของผู้ที่อนุโมทนาเท่านั้นจริงๆ ดังนั้น ทั้งการอุทิศส่วนกุศล และการอนุโมทนาในกุศลที่ผู้อื่นได้กระทำ ล้วนเป็นกุศลทั้งนั้น ควรที่จะอบรมเจริญให้มีขึ้นในชีวิตประจำวัน

กุศลธรรมทุกประเภท ความดีทุกประการ ไม่ใช่เฉพาะการอุทิศส่วนกุศลเท่านั้น ยังมีกุศลในส่วนที่เป็น การให้ทาน การรักษาศีล การฟังพระธรรม เป็นต้น เมื่อน้อมประพฤติปฏิบัติตามได้จริงๆ แล้ว จะไม่เป็นภัยใดๆ เลย ไม่เป็นภัยทั้งแก่ตนและแก่ผู้อื่น มีแต่จะนำมาซึ่งประโยชน์สุขเพียงอย่างเดียวเท่านั้น และเมื่อเจริญกุศลแล้ว ยังสามารถที่จะเกิดกุศลจิตอีก ด้วยการอุทิศส่วนกุศล เพื่อประโยชน์ในการอนุโมทนาของคนอื่นอีกด้วย ถ้าจะพิจารณาในนัยตรงกันข้ามจะเห็นได้ว่า ถ้าเป็นอกุศลแล้วไม่มีประโยชน์ใดๆ เลย ที่จะเป็นประโยชน์ก็เฉพาะสภาพธรรมฝ่ายดี เท่านั้น

การจะอนุโมทนาหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับภพภูมิด้วยส่วนหนึ่ง และขึ้นอยู่กับการสะสมของผู้นั้นด้วย เพราะถ้าเป็นผู้เห็นคุณของกุศล เห็นคุณของความดี ก็จะเป็นผู้ชื่นชมยินดีในความดีของคนอื่น ขณะที่ชื่นชมยินดี นั่นเอง ก็เป็นกุศลของตนเอง ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
chatchai.k
วันที่ 17 ก.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 17 ก.ค. 2557

ถ้าน้องแก้มเกิดเป็นเปรตและอนุโมทนาก็ได้รับส่วนกุศล ค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ