ขอเรียนถามเกี่ยวกับความคิดความเชื่อ

 
natural
วันที่  19 ก.ค. 2557
หมายเลข  25128
อ่าน  1,084

ขอเรียนถามเกี่ยวกับความคิดความเชื่อที่ว่า

1.การอยู่คลุกคลีกับผู้นับถือศาสนาที่ต่างกันหรือศาสนาเดียวกัน และรับรู้ในสิ่งที่เป็นความคิดความเชื่อที่ไม่เป็นไปตามคำสอนของพระพุทธเจ้า จะมีส่วนให้โน้มเอียงไปตามความคิดความเชื่อนั้นได้หรือไม่ด้วยกำลังของกิเลสและความเห็นผิดที่ยังไม่เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง หรือขึ้นอยู่กับความมั่นคงในความเข้าใจคำสอน หรืออย่างไรคะ

2.ความเชื่อในเรื่องการศึกษาทางโลกเมื่อเรียนรู้ทฤษฎีแล้วควรปฏิบัติเพื่อให้เกิดความเข้าใจจริง ผู้ใหญ่บางท่านจึงมีความเชื่อเกี่ยวกับการใช้การเคลื่อนไหวร่างกายเป็นจังหวะและการสังเกตลมหายใจเพื่อให้เด็กเกิดความรู้สึกตัว โดยเข้าใจว่าเป็นกุศโลบายให้เกิดสติและเท่าทันต่อความคิดปรุงแต่ง มีผลไม่ให้หลงทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องได้ง่าย ซึ่งจัดให้มีการฟังพระธรรมควบคู่ไปด้วย จะเข้าใจได้อย่างไรคะว่าเป็นแนวทางที่ตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือไม่


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 19 ก.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

1.ตราบใดที่เป็นปุถุชน ย่อมยังไม่มั่นคงในความเห็นถูก เพราะฉะนั้นการคบจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ดังที่ปรากฏในมงคลข้อแรก คือ การไม่คบคนพาล เพราะ คนพาลย่อมแนะนำสิ่งที่ผิด อันเกิดจากความเข้าใจผิด เพราะปุถุชน ไม่มีความมั่นคงในความเห็นถูกจริงๆ เพราะฉะนั้น โดยมากก็เป็นไปตามกิเลส อกุศล ไหลลงที่ต่ำ ดังนั้น เมื่อได้ฟังสิ่งที่ผิดบ่อยๆ ย่อมโน้มไหลไปตามความเชื่อนั้นได้ โดยไม่รู้ตัวเลย การไม่คบคนพาล แต่คบบัณฑิตจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ครับ

2.เป็นความเข้าใจผิดตั้งแต่ต้น ที่เข้าใจคำว่า สติ ผิด เพราะ เข้าใจผิดว่า สติ คือการรู้ตัวว่าทำอะไร รู้ตัวทั่วพร้อม แต่การศึกษาจะต้องสอดคล้องทั้ง 3 ปิฎก เมื่อได้อ่านอภิธรรม ย่อมเข้าใจถูกว่า สติย่อมเป็นสภาพธรรมที่ดีงาม เกิดกับกุศลจิต หรือ โสภณจิต ซึ่งเป็นที่ดีงามเท่านั้น เพราะฉะนั้น ขณะใดที่เป็นไปในทาน ศีล ภาวนา ขณะนั้นมีสติ แต่การรู้ตัวว่าทำอะไร ไม่ได้หมายถึง การมีสติ หรือ การจดจ้องอยู่กับสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ไม่ใช่มีสติ เพราะ ไม่ได้เป็นไปในกุศลที่เป็นไปในทาน ศีล ภาวนา ครับ

พระธรรมเป็นเรื่องละเอียด จึงต้องศึกษาอย่างละเอียดรอบคอบ ครับ

...ขออนุโมทนา ครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
natural
วันที่ 19 ก.ค. 2557

จากกระทู้ 001959 ลักษณะกัลยาณมิตร

[เล่มที่ 76] พระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี เล่ม ๑ ภาค ๒- หน้าที่ 503

กัลยาณมิตตตา เป็นไฉน ? บุคคลเหล่าใด เป็นคนมีศรัทธา มีศีล เป็นพหูสูต มีจาคะ มีปัญญา,การเสพ การซ่องเสพ การซ่องเสพด้วยดี การคบ การคบหา ความภักดีความจงรักภักดีต่อบุคคลเหล่านั้น ความเป็นผู้มีกายและใจโน้มน้าวไปตามบุคคลเหล่านั้น อันใด นี้เรียกว่า กัลยาณมิตตตา.

เรียนถามเพิ่มเติมว่าการเสพ การซ่องเสพ การซ่องเสพด้วยดี เป็นอย่างไรคะ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 19 ก.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นไปเพื่ออุปการะเกื้อกูลแก่ผู้ที่ได้ฟังได้ศึกษาอย่างแท้จริง แม้แต่การอยู่ร่วม หรือ คบหากับผู้อื่น ก็มีส่วนสำคัญในชีวิตทีเดียว ถ้าเสพคุ้นกับเรื่องที่ไม่ได้ทำให้เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง บ่อยๆ เนืองๆ ก็จะทำให้คล้อยไปในความเห็นที่ผิดคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงของธรรมได้ ดังนั้น การที่ได้ยินได้ฟังแต่อสัทธรรม คือ ไม่ใช่ธรรมที่จะนำไปสู่ความสงบจากกิเลส ไม่ใช่พระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง นั่นเป็นเหตุปัจจัยที่จะทำให้เป็นผู้มีความเห็นผิด ซึ่งจะเป็นเรื่องที่ประมาทไม่ได้เลยทีเดียว

การรู้สภาพธรรม เป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่การไปทำอะไรที่ผิดปกติ ด้วยความเป็นตัวตนที่จดจ้องต้องการ ถ้าทำอย่างนั้น ก็เป็นการค่อยๆ หันหลังให้กับพระธรรมไปทีละเล็กทีละน้อย เพราะการรู้สภาพธรรมเป็นเรื่องของปัญญาที่ค่อยๆ เจริญขึ้นจากการที่มีโอกาสได้ยินได้ฟังพระธรรม ที่เป็นคำสอนอันเกิดจากการทรงตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังนั้น ก็จะต้องตั้งต้นที่การฟังพระธรรม ให้เข้าใจ ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 19 ก.ค. 2557

ถ้าคลุกคลีกับความเห็นผิดบ่อยๆ ก็ทำให้เราซึมซาบความเห็นผิดไปด้วย ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
peem
วันที่ 19 ก.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
nopwong
วันที่ 23 ก.ค. 2557

ขออนุโมทนา

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ