เจ้ากรรมนายเวร

 
mouy179
วันที่  19 ก.ค. 2557
หมายเลข  25130
อ่าน  5,569

ขอเรียนถามท่านอาจารย์

เกี่ยวกับคำว่าไม่มีเจ้ากรรมนายเวร กับเรื่องของนางรัด-ชุ-มาลา (ขออภัยด้วยค่ะสะกดคำไม่ถูก) กับนายที่ต้องทำร้ายกันทุกชาติ และเรื่องของพระเทวทัตที่ปองร้ายพระพุทธเจ้าทุกชาติ

ถ้าจะเข้าใจเแบบ จิต เจตสิก รูป การสะสมสภาพธรรม การเกิดดับของจิตอยู่ทุกขณะโดยไม่ใช่จิตดวงเดิม และรูปก็เกิดดับทุกขณะ โดย 2 เรื่องนี้ก็ไม่มีเจ้ากรรมนายเวร จะเข้าใจอย่างไรคะ ขอรบกวนท่านอาจารย์ด้วยค่ะ

ขอบพระคุณค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 19 ก.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เจ้ากรรมนายเวร ไม่มีในคำสอนของพระพุทธเจ้า สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของของตน ไม่มีใครเป็นเจ้ากรรมนายเวร ครับ

เวลานี้ใครมองเห็นเจ้ากรรมนายเวรบ้าง ฟังดูเสมือนว่าทุกคนมีเจ้ากรรมนายเวร แต่ตามความเป็นจริงนั้น ทุกคนเป็นทายาทของกรรมของตนเอง กรรมที่ได้กระทำแล้วในอดีตย่อมเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ผลเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผลดีที่กำลังได้รับความสุขทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกายก็ไม่ใช่บุคคลอื่นบันดาลให้ แต่กุศลที่ผู้นั้นได้กระทำแล้วในอดีต เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส สัมผัสสิ่งที่ดีๆ

ฉะนั้น เมื่อกุศลให้ผล ก็ทำให้ได้รับความสุขทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ก็ฉันนั้น ถ้าถูกคนอื่นทำร้าย ก็อาจจะคิดว่าเพราะคนนั้นทำ แต่ถ้าไม่ได้ถูกใครทำร้ายเลย เวลาตกบันไดหรือเจ็บป่วยต่างๆ นั้น ใครทำให้ ขณะที่ถูกก้อนหินหล่นใส่ ก้อนหินเป็นเจ้ากรรมนายเวรเราหรือไม่ ขณะที่เกิด ที่เป็นผลของกรรม มีเจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้เกิดหรือไม่ หรือว่าเพราะกรรมของเราเองที่ทำไว้ จึงทำให้เกิด ฉะนั้น แต่ละคนจึงมีกรรมของตนเอง เป็นเหตุเป็นปัจจัยที่จะทำให้ผลของกรรมเกิดขึ้นรับรู้อารมณ์ต่างๆ สิ่งต่างๆ ที่ปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย

ฉะนั้น เรื่องเจ้ากรรมนายเวร จึงเป็นเรื่องรับฟังต่อๆ กันมาโดยไม่รู้ว่าใครเคยเห็นเจ้ากรรมนายเวรที่ไหน เมื่อไหร่ เพียงแต่นึกว่ามีบุคคลที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้เป็นทุกข์เดือดร้อนต่างๆ แต่ความจริงนั้น ทุกคนมีกรรมเป็นของของตนเอง ครับ

ซึ่งตัวอย่างพระเทวทัตจองเวรพระพุทธเจ้า ในความเป็นจริง ความโกรธที่พระเทวทัตเกิดขึ้น คิดจะจองเวรมีอยู่ ความโกรธก็ต้องเป็นความโกรธของพระเทวทัต ในอดีตชาติ ซึ่งเกิดและดับไปแล้ว ความโกรธในอดีตชาติของพระเทวทัต ถ้าจะให้ผล ก็ต้องให้ผลกับอดีตชาติของพระเทวทัต ไม่ใช่กับอดีตชาติของพระพุทธเจ้า แต่เพราะพระพุทธองค์ในชาตินี้หรือแม้ชาติก่อนๆ ที่ยังทรงเป็นพระโพธิสัตว์ ที่ถูกสมมติว่า ถูกทำร้ายจากพระเทวทัต เช่น กลิ้งหินลงมาโดนพระบาทจนถึงกับห้อพระโลหิต ซึ่งแท้ที่จริงแล้วใครเป็นเจ้ากรรมนายเวร พระเทวทัตหรือเปล่า หากพระพุทธเจ้าไม่เคยทำอกุศลกรรมในอดีต จะได้รับอกุศลวิบาก มีหินมากระทบที่พระบาทไม่ได้เลย ซึ่งนั่นไม่ใช่ผลที่มาจากการผูกเวร ของพระเทวทัต แต่พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ว่า เพราะในอดีตชาติเมื่อครั้งยังทรงเป็นพระโพธิสัตว์ ทรงเคยทำให้น้องชายต่างมารดาสิ้นชีวิตเพราะเหตุแห่งทรัพย์ โดยจับโยนลงในซอกเขา แล้วบดทับด้วยหิน ด้วยเหตุนี้ เศษของกรรม ทำให้พระองค์ได้รับการทำร้ายจากพระเทวทัต ด้วยสะเก็ดหินที่กระทบนิ้วแม่พระบาทจนห้อพระโลหิต

นี่แสดงว่า พระพุทธเจ้า ทรงมีกรรมเป็นของพระองค์เอง ทรงมีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ ทรงมีกรรมเป็นทายาท ทรงมีกรรมเป็นของๆ พระองค์ ไม่มีเจ้ากรรมนายเวรไหน มาทำให้เลย แม้ความผูกโกรธ ก็เป็นความโกรธของพระเทวทัตเอง ไม่สามารถทำอะไรได้อย่างแท้จริง แต่เพราะอกุศกลรรมที่พระองค์ทรงเคยทำ ทำให้พระองค์ได้รับวิบากที่ไม่ดี จึงไม่มีเจ้ากรรมนายเวร เช่นเดียวกับเรื่อง นางรัชชุมาลา ก็อธิบายได้โดยนัยนี้เช่นกัน ครับ

...ขออนุโมทนา ครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
mouy179
วันที่ 19 ก.ค. 2557

ขอเรียนถามเพิ่มเติมค่ะ แล้วที่ต้องเป็น (ผู้นี้ๆ ) พระเทวทัต หลายต่อหลายชาติ ถึงแม้ว่ารูปร่างหน้าตาจะเปลี่ยนไป แต่ก็เป็นคนนี้หรือจิตนี้ที่เคยทำ จะเข้าใจได้อย่างไรค่ะ หรือ เป็นอนัตตา

ขอบคุณค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 19 ก.ค. 2557

เรียนความเห็นที่ 2 ครับ

หากเข้าใจความจริง ก็ต้องประกอบกับพระอภิธรรมด้วย เพราะในความเป็นจริงแล้ว สัตว์ บุคคลไม่มี มีแต่ธรรม และที่สมมติว่าเป็นใครก็เพราะมีสภาพธรรมที่เป็น จิต เจตสิกประชุมรวมกัน ซึ่งอดีตชาติของพระเทวทัต ก็ไม่ใช่พระเทวทัตในสมัยพุทธกาล เป็นคนละคน และก็ต้องเป็นคนละจิต จะกล่าวว่าเป็นจิตเดียวกันไม่ได้เพราะไม่เช่นนั้นก็จะเป็นความเห็นผิดว่าเที่ยง คือ จิตไม่เกิดดับ แต่แท้ที่จริงเป็นคนละจิต แต่เป็นสภาพธรรมที่สืบต่อกัน เป็นจิตที่เกิดดับเนื่องกัน ชาตินี้ของเราเมื่อสิ้นชีวิตลง บุคคลนี้ลักษณะอย่างนี้ ก็จะไม่กลับมาอีกเลย เป็นคนใหม่ทันที ที่สมมติกัน เพราะฉะนั้น ต่างคนก็มีกรรมเป็นของๆ ตน จึงไม่มีเจ้ากรรมนายเวรตามที่เข้าใจ แต่พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่า บุคคลนี้ที่เคยเจองเวร ก็ยังมีความผูกโกรธอยู่ได้ เกิดได้อีกชาติหนึ่ง เพราะอาศัยการสะสมของจิตและเจตสิกที่เกิดดับสืบต่อกันนั่นเอง แต่การจะได้รับผลของกรรม ก็เป็นเพราะกรรมของผู้นั้นเอง ไม่ใช่เพราะการผูกโกรธของคนที่จองเวรเป็นปัจจัย ครับ เพราะฉะนั้น จะต้องแยกระหว่างเหตุและผล ความผูกโกรธ ซึ่งมีจริง เป็นความผูกโกรธของคนนั้น แต่ความผูกโกรธไม่สามารถทำให้คนที่ถูกโกรธได้รับผลของกรรม แต่อกุศลกรรมของผู้ที่ได้รับความผูกโกรธนั่นเอง ทีเป็นเจ้าของกรรม คนที่ผูกโกรธ ไม่สามารถทำอะไรได้ และ ไม่ใช่เจ้ากรรมนายเวร ครับ

...ขออนุโมทนา ครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 19 ก.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย จักทำกรรมใดไว้ ก็จะเป็นผู้ได้รับผลของกรรมนั้น เพราะฉะนั้น จึงไม่มีผู้อื่นเป็นเจ้ากรรมที่จะบันดาลหรือจะทำให้มีความสุขหรือมีความทุกข์ได้ แต่สัตว์ทั้งหลายจะมี ความสุข ความทุกข์ ได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ ได้สรรเสริญ หรือ นินทา ก็เพราะกรรมของตน บุคคลอื่นไม่สามารถจะบังคับบัญชาเป็นผู้ที่เหนือกรรมได้

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร เพราะฉะนั้น จึงไม่มีใครเป็นเจ้ากรรมของใคร เพราะทั้งหมดมีเหตุมีผล มีเหตุมีปัจจัย, คนหนึ่งทำกรรมดี แต่อีกคนหนึ่งจะเป็นผู้ได้ดีมีสุข จะได้รับวิบากที่เป็นกุศลวิบาก หรือ คนหนึ่งทำกรรมชั่ว แต่อีกคนหนึ่งจะเป็นผู้ได้รับผลของกรรมชั่วนั้น ย่อมไม่ถูกต้อง ไม่ตรงตามคำสอน แต่ละบุคคลล้วนแต่มีกรรมเป็นของตนทั้งนั้น จะทำกรรมแทนกันไม่ได้ จะทำกรรมดีแทนคนอื่นที่เขาไม่สามารถจะทำได้ ก็เป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าผู้นั้นอนุโมทนาก็เป็นความดีของเขา ในขณะที่กุศลจิตเกิด แต่จะทำกรรมแทนกันนั้นย่อมไม่ได้

ถ้าได้ศึกษาพระธรรมคำสอนในทางพระพุทธศาสนาอย่างละเอียด ก็จะทำให้เข้าใจถูกเห็นถูกยิ่งขึ้น เข้าใจในเหตุในผลยิ่งขึ้น โดยสรุปแล้ว คือ ไม่มีเจ้ากรรมนายเวร เพราะสัตว์โลกมีกรรมเป็นของตนนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ตาม ครับ.

... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 19 ก.ค. 2557

เจ้ากรรมนายเวรไม่มี เรามีกรรมของตน เป็นทายาทของกรรม หมายถึงเราทำกรรมอะไรก็ได้รับกรรมนั้น พ่อแม่ พี่น้องหรือใครรับแทนไม่ได้ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ประสาน
วันที่ 20 ก.ค. 2557

มีกรรมเป็นของของตน เป็นทายาทของกรรมของตน

การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียด

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
mouy179
วันที่ 20 ก.ค. 2557

ขอบพระคุณค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
เรือนแก้ว
วันที่ 21 ก.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ch.
วันที่ 21 ก.ค. 2557

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
mild
วันที่ 22 ก.ค. 2557

ไม่มีเจ้ากรรม มีเพียงเราที่เป็นเจ้าของกรรมที่ได้กระทำไว้แล้ว เมื่อถึงวาระที่กรรมให้ผลก็ต้องได้รับ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ส่วนใจจะเป็นทุกข์เร่าร้อนหรือไม่ เรื่องใหญ่เล็กอยู่ที่กิเลสที่สะสมมาของเรา แม้นพระอรหันต์ก็ต้องรับผลของกรรม เช่นพระมหาโมคลานะทำกรรมทุบตีบิดามารดา กรรมให้ผลจึงถูกกลุ่มโจรทุบตีทำร้ายทุบตี เหตุเพราะกรรมได้ประมวลมาให้ได้รับผลตามสมควรแก่เหตุที่ได้ทำลงไป ไม่ไช่บิดามารดาหรือกลุ่มโจรเป็นเจ้ากรรม แต่เป็นท่านที่ต้องรับผลของกรรมเป็นธรรมดา ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีเจ้ากรรมนายเวรอย่างในละคร แต่ที่เป็นไปเป็นเพราะการประมวลมาของกรรม เรียกได้อีกว่าเป็นธรรม เป็นธาตุ ไม่อยู่ในอำนาจของใคร ไม่มีใครเป็นเจ้ากรรมให้ใคร นอกจากนี้ก็ยังมีกรรมดีที่ควรทำเพราะกรรมดีไม่ทำไห้เดือดร้อนเลย และเราก็เป็นเจ้าของกรรมที่ได้ทำแล้ว ไม่มีใครเป็นเจ้ากรรมนายเวรเช่นกัน

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
thilda
วันที่ 25 ก.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะกับทุกท่าน รวมทั้งเจ้าของกระทู้ที่ช่วยให้หายสงสัย คงเป็นการประมวลผลของกรรมจริงๆ ไม่ใช่ว่ามีแต่พระพุทธเจ้าที่ได้รับผลของกรรม พระเทวทัตท่านก็ได้รับผลของกรรมเหมือนกันทั้งที่เป็นกุศลกรรมและอกุศลกรรม เพราะขณะที่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้การกระทบสัมผัสทุกขณะก็เป็นวิบากกรรมทั้งกุศลวิบากบ้าง อกุศลวิบากบ้าง แล้วใครจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรของพระเทวทัตได้

ขอบพระคุณค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
Sea
วันที่ 1 พ.ย. 2564

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
chatchai.k
วันที่ 1 พ.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ