ก็ใครเล่า ? เป็นบิดาบังเกิดเกล้าในวิวัฏฏะ
สืบเนื่องจากกระทู้ ผู้ให้กำเนิดทางธรรม: มารดาทางธรรม ท่านวิทยากรได้นำข้อความที่ไม่เคยได้อ่านหรือได้ฟังมาก่อน ให้มีโอกาสได้อ่าน ขอขอบพระคุณและอนุโมทนา ครับ
ข้อความที่ท่านเขียน มีดังนี้
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นพระบิดาสูงสุดในวิวัฏฏะ เพราะทำให้สัตว์โลกผู้ได้ฟังพระธรรม เกิดปัญญาเป็นของตนเอง จนสามารถดับกิเลสได้ตามลำดับขั้นจนถึงสูงสุด คือ ถึงการดับกิเลสได้อย่างหมดสิ้น ไม่มีการเกิดอีกเลยในสังสารวัฏฏ์
นี่เป็นคำตอบสำหรับหัวข้อกระทู้นี้ หากท่านวิทยากรหรือท่านอื่นจะแสดงความเห็นเพิ่มเติม ก็ขอเรียนเชิญครับ
ขอรบกวนท่านวิทยากรช่วยนำเสนอรายละเอียดเพิ่มเติม และความเป็นมาของการสนทนาระหว่างสองท่านนี้ ดังข้อความต่อไปนี้ครับ
นางสิริมา ถามนางอุตตราว่า " ก็ใครเล่า? เป็นบิดาบังเกิดเกล้าของ
คุณแม่ในวิวัฏฏะ ". นางอุตตรา ตอบว่า "พระสัมมาสัมพุทธเจ้า"
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
นางสิริมา ถามนางอุตตราว่า " ก็ใครเล่า? เป็นบิดาบังเกิดเกล้าของคุณแม่ในวิวัฏฏะ ".
นางอุตตรา ตอบว่า "พระสัมมาสัมพุทธเจ้า"
ข้อความในอรรถกถาไม่ได้อธิบายเพิ่มเติมในส่วนนี้แต่สามารถพอเข้าใจได้ว่า วิวัฏฏะ หมายถึง การไม่เกิดขึ้นของสภาพธรรมอีกเลย นั่นคือ พระนิพพาน พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม เพื่อให้สัตว์โลกเกิดปัญญา และละกิเลสจนหมดสิ้น ถึงการประจักษ์นิพพาน ที่เป็นวิวัฏฏะ พระพุทธเจ้าจึงทรงเป็นบิดาผู้ให้กำเนิดให้ผู้ที่ได้รับฟังเกิดปัญญาประจักษ์นิพพานที่เป็น วิวัฏฏะ จึงชื่อว่า เป็นบิดาวิวัฏฏะ
แต่ขอนำพระธรรมที่ไพเราะอย่างยิ่ง
ของการทูลลาปรินิพพานของท่านพระมหาปชาบดีโคตมีดังนี้ ครับ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เล่ม ๒ ภาค ๔ - หน้าที่ ๒๔๘
ภิกษุณีทั้งหลาย เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าถวายบังคมแล้ว ได้กราบทูลดังนี้ว่า ข้าแต่พระสุคต หม่อมฉันเป็นพระมารดาของพระองค์ ข้าแต่พระธีรเจ้า พระองค์เป็นพระบิดาของหม่อมฉัน ข้าแต่พระโลกนาถ พระองค์เป็นผู้ประทานความสุข อันเกิดจากพระสัทธรรมให้หม่อมฉัน ข้าแต่พระโคดม หม่อมฉันเป็นผู้อันพระองค์ทรงทำให้เกิด ข้าแต่พระสุคต รูปกายของพระองค์นี้ อันหม่อมฉันทำให้เจริญเติบโต ธรรมกายอันน่าเพลิดเพลินของหม่อมฉัน อันพระองค์ก็ทรงทำให้เจริญเติบโตแล้ว พระองค์อันหม่อนฉันให้ดูดดื่มน้ำมันอันระงับเสียได้ซึ่งความอยากชั่วครู่ ส่วนหม่อมฉัน พระองค์ก็โปรดให้ดูดดื่มน้ำมันคือธรรมอันสงบอย่างยิ่งแล้ว ข้าแต่พระมหามุนี พระองค์ชื่อว่ามิได้ทรงเป็นหนี้หม่อมฉัน เพราะการรักษาไว้ซึ่งพันธะอันสตรีทั้งหลายผู้อยากได้บุตรวอนขออยู่ ก็ย่อมจะได้บุตรเช่นนั้น สตรีที่เป็นพระมารดาของพระนราธิบดีมีพระเจ้ามันธาตุราช เป็นต้น ขอว่าเป็นมารดาในห้วงมหรรณพคือภพ ข้าแต่พระโอรส หม่อนฉันผู้จมดิ่ง อยู่ในห้วงมหรรณพคือภพ อันพระองค์ให้ข้ามสาคร คือ ภพแล้ว
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
จากข้อความจะแสดงซึ่งสภาพธรรมตามความเป็นจริง คือ คุณของมารดาที่สมมติขึ้น มีจริง และคุณของผู้ให้ความรู้ให้เกิดปัญญาคือคุณของพระพุทธเจ้าก็มีจริง พระมหาปชาบดีโคตมี ทรงเลี้ยงพระโพธิสัตว์ เป็นพระมารดาของพระโพธิสัตว์ เมื่อครั้งยังไม่ได้ตรัสรู้ ส่วนพระพุทธเจ้าก็เป็นพระบิดาของท่านพระมหาปชาบดีโคตมี เพราะ ประทานความสุข ด้วยสุขในพระธรรมที่เกิดปัญญา ประจักษ์พระนิพพาน และเป็นผู้ให้เกิดปัญญา และประจักษ์นิพพาน และข้อความที่ไพเราะที่ว่า พระพุทธเจ้า ทรงให้ธรรมกายเกิดขึ้น คือ คุณธรรม ที่เป็น อริยมรรค เกิดขึ้น ให้ถึงการตรัสรู้กับ พระมหาปชาปดีโคตมีเถรี จึงชื่อว่าเป็นบิดาของพระมหาปชาบดีโคตมีเถรี ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นพระบิดาที่สูงสุดผู้อนุเคราะห์สัตว์โลก มีพระมหากรุณาหาประมาณไม่ได้ ไม่มีใครเสมอเหมือน พระบารมีทั้งหมดที่พระองค์ได้ทรงบำเพ็ญมา ก็เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์โลก ไม่เคยมุ่งร้ายกับใครเลย พระองค์นำประโยชน์เข้าไปเพื่อให้สัตว์โลกได้พบสิ่งที่เป็นสาระสูงสุดในชีวิตคือการเข้าใจพระธรรม คือความจริง เป็นเหตุทำให้ปัญญาเจริญขึ้นไปตามลำดับ และทำให้ถึงความเป็นผู้ดับกิเลสตามลำดับขั้นได้ในที่สุด
จึงควรอย่างยิ่งที่ผู้ที่เป็นบุตรธิดาของพระองค์ จะได้เป็นผู้กตัญญู ด้วยการน้อมระลึกถึงพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ไม่ประมาทในการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา น้อมประพฤติตามพระธรรม ขัดเกลากิเลสของตนเองต่อไป ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
พระพุทธเจ้าเปรียบเหมือนบิดาที่ให้มรดกธรรม ส่วนผู้ที่ศึกษาธรรมน้อมนำมาปฏิบัติตามพระธรรมคำสอน ก็ชื่อว่าได้ทดแทนพระคุณของพระพุทธเจ้า ค่ะ